สื่อนอกตีข่าวละครไทยสร้างค่านิยมข่มขืนเพราะรัก-ลงโทษ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
สื่อนอกตีข่าวละครไทยสร้างค่านิยมข่มขืนเพราะรัก-ข่มขืนเพื่อลงโทษ ก่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์เพื่อยุติการบรรจุเนื้อหาดังกล่าว
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2557 สำนักข่าวเอพี ตีแผ่เรื่องราวของค่านิยมละครไทยที่มักมีบทพระเอกข่มขืนนางเอก ก่อนที่เรื่องราวจะจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ภายในสังคมไทยเอง ขณะที่ผู้จัดก็แจงว่าบางครั้งก็ต้องมี เพื่อให้ละครดำเนินต่อไปได้ และบางครั้งฉากเหล่านี้ก็ให้แง่คิดต่อสังคมว่าผู้หญิงไม่ควรแต่งโป๊หรือไปไหนมาไหนคนเดียว
รายงานระบุว่า ที่ประเทศไทย ละครที่ฉายในช่วงหลังข่าว ซึ่งเป็นช่วงเวลาครอบครัวที่มีผู้ชมดูกันจำนวนมาก มักเป็นละครที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความรุนแรงของพระเอกที่กระทำต่อนางเอก สร้างค่านิยม "การข่มขืนด้วยความรัก" ให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างไม่รู้ตัว แต่สุดท้ายแล้วเรื่องราวกลับจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง แม้พระเอกจะข่มขืนนางเอกแต่ทั้งคู่ก็ลงเอยด้วยการอยู่ด้วยกัน และพระเอกก็ไม่เคยได้รับโทษใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
ฉากการข่มขืนถูกบรรจุอยู่ในละครไทยหลาย ๆ เรื่อง จนผู้ชมเองก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าละครที่มีเนื้อหาเข้มข้นรุนแรงเหล่านี้ มักจะเรียกเรตติ้งได้มากมายมหาศาลเลยทีเดียว
แม้ว่าฉากข่มขืนจะไม่ใช่สิ่งที่น่าพิสมัยนัก แต่ทางด้านผู้จัดก็ยังคงปกป้องการบรรจุฉากเหล่านี้เข้าไปในละคร ไม่ว่าจะเพื่อแสดงออกถึงความรักของพระเอก หรือเพื่อเป็นบทลงโทษของตัวร้ายก็ตาม โดยทางด้านสิทธิวัชร์ ทับแป้น ผู้กำกับชื่อดัง ได้ให้เหตุผลของการบรรจุฉากข่มขืนไว้ในละครว่า ฉากความรุนแรงเหล่านี้ให้บทเรียนกับคนดู ละครไทยหลายเรื่องอาจจะมีฉากที่ผู้หญิงแต่งตัวโป๊เดินผ่านผู้ชายที่กำลังดื่มเหล้า สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการข่มขืน ฉากเหล่านี้พยายามจะสอนคนดูว่าผู้หญิงไม่ควรไปไหนมาไหนคนเดียวและไม่ควรแต่งตัวโป๊ ขณะเดียวกันผู้ชายก็ไม่ควรดื่มจนควบคุมสติไม่ได้ด้วย นอกจากนี้ บางครั้งละครไทยก็สะท้อนให้เห็นชีวิตจริงของคนในสังคมได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ จ๋า-ยศสินี ณ นคร ผู้จัดละครอีกรายหนึ่ง ก็ได้เปิดเผยว่า บางครั้งฉากข่มขืนก็สำคัญกับละคร เพราะละครเป็นเรื่องของความขัดแย้ง ถ้าไม่มีความขัดแย้งก็ไม่มีเรื่องราว เธอเองก็พยายามเลี่ยงฉากข่มขืนแล้ว แต่บางครั้งฉากเหล่านี้ก็จำเป็นต่อการดำเนินเรื่อง
อย่างไรก็ดีตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็เริ่มมีกระแสต่อต้านฉากข่มขืนในละคร และมีการเรียกร้องให้ยุติการบรรจุเนื้อหาเหล่านี้ฉายทางโทรทัศน์ โดย นิธิพันธ์ วิประวิทย์ วัย 36 ปี ผู้นำการเคลื่อนไหวดังกล่าว ได้เปิดเผยว่า ละครไทยที่มีฉากข่มขืนกำลังส่งสารให้คนดูรู้สึกว่าการข่มขืนเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ถึงเวลาที่เรื่องเหล่านี้ควรหยุดได้แล้ว
การเคลื่อนไหวร้องเรียนเพื่อเปลี่ยนแปลงเนื้อหารุนแรงในละครไทยดังกล่าว นำมาซึ่งการจัดเสวนาเรื่อง "กำหนดทิศทางการพัฒนาละครไทยในอนาคต" เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นนี้ เพราะมันมีอิทธิพลต่อเยาวชนไทยที่มักจะดูละครเหล่านี้ร่วมกับครอบครัวหลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ โดยเข็มพร วิรุณราพันธ์ ผู้จัดการแผนงาน สื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน ได้เปิดเผยว่า เธอไม่ได้บอกว่าละครไทยทำให้เกิดปัญหาข่มขืน แต่เธอเชื่อว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหานี้ ผู้จัดหลายคนอาจจะบอกว่าละครของพวกเขาไม่ได้ส่งผลต่อความคิดของเยาวชน แต่เธอเชื่อว่ามันมีแน่ ๆ เพราะยิ่งเยาวชนได้เห็นภาพการข่มขืนซ้ำ ๆ ก็จะส่งผลต่อจิตใจของพวกเขา
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีกระแสเรียกร้องให้ยุติการบรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับการข่มขืนเข้าไปในละครไทย แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันว่าผู้ชมจะไม่ได้เห็นภาพการข่มขืนในละครไทยอีก
ทั้งนี้ ไม่ว่าละครไทยจะมีอิทธิพลกับความคิดของผู้ชมโดยตรงหรือไม่ แต่หากมองดูในโลกความจริงแล้ว สังคมไทยนั้นเต็มไปด้วยปัญหาข่มขืนมากมายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการข่มขืนเด็กหญิงบนรถไฟแล้วโยนออกนอกรถ หรือคดีสะเทือนขวัญทั่วโลกล่าสุดอย่างคดีฆ่าข่มขืนชาวอังกฤษบนเกาะเต่าที่เพิ่งจะเกิดขึ้นและอยู่ระหว่างการสืบสวนอยู่ในขณะนี้ ไหนจะปัญหาข่มขืนยิบย่อยอีกมากมายที่หลายครั้งก็กล่าวโทษไปยังผู้เสียหายที่ทำตัวเสี่ยงต่อการข่มขืนซะเองซะอย่างนั้น และปัญหาเหล่านี้ก็ยังคงถูกนำมาเชื่อมโยงกับละครไทยอยู่ไม่สร่างซา ท่ามกลางคำถามว่า ละครไทยไม่มีอิทธิพลต่อค่านิยมคนไทยจริงหรือ และทำไมเราต้องบรรจุเนื้อหาเหล่านี้ให้เด็กคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาด้วย
