ไม่ใช่เพียงแต่แฟนละคร บุพเพสันนิวาส ที่รอคอยละครภาคต่อเรื่อง พรหมลิขิต แม้แต่นักเขียนนิยายอย่าง รอมแพง หรือ จันทร์ยวีร์ สมปรีดา ก็ยังตื่นเต้นจนแทบอดใจไม่ไหวที่จะได้เห็นตัวละครที่ตัวเองแต่งมาโลดแล่นอยู่บนจอแก้วเช่นกัน เพราะภาคนี้ถือเป็นความท้าทายของรอมแพงให้คู่พระนาง โป๊ป ธนวรรธน์ และ เบลล่า ราณี รับบทตัวละครสุดป่วนถึง 5 บทบาทด้วยกัน
อ่านข่าว : รอมแพง คนเขียน พรหมลิขิต เผยความท้าทาย หลังเปิดตัวพระ-นาง 5 บท ป่วงยกกำลัง 5
ล่าสุด (3 ตุลาคม 2564) รอมแพง มีการโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า มีทั้งคนที่ไม่เห็นด้วยและเห็นด้วยกับบทบาทของ โป๊ป เบลล่า หลากหลายมาก แต่เหตุผลที่เขียนเรื่องราวให้ออกมาเป็นแบบนี้ เนื่องจากตอนจะเขียนนิยายก็บอกทางช่องและผู้จัดแล้วว่ามันยากเวลาเอามาทำเป็นละคร
แต่ในเมื่อเขาขอแค่เพียงอย่างเดียวที่ให้ผู้เขียนช่วยปรับเปลี่ยน คือ ให้พระเอกและนางเอกหน้าเหมือนรุ่นพ่อกับแม่ เธอก็เลยจัดให้และสนุกไปกับการเขียนที่ต้องหาเหตุผลมารองรับในความหน้าเหมือนนี้ โดยเธอรู้สึกว่าตอบโจทย์ที่เคยมีในบุพเพสันนิวาส นั่นคือ การมองข้ามเปลือกภายนอกหรือหน้าตา ความสำคัญคือวิญญาณที่อยู่ข้างในต่างหาก
อันที่จริงตัวละครที่มีบทบาทมากที่สุดคือ พ่อริด ที่เป็นพระเอก ส่วนพระยาวิสูตรสาคร กับพ่อเรือง โผล่มาแค่สองแวบใหญ่ ๆ เท่านั้น (ตามนิยายแล้วทั้งสองคนโผล่มาสัดส่วนรวมกันแล้วประมาณไม่ถึง 20% ของทั้งเรื่อง) ในฐานะแฟนคลับ โป๊ป ธนวรรธน์ เชื่อฝีมือมากว่าสามารถทำให้คาแรกเตอร์แตกต่างกันอย่างชัดเจนได้ ส่วนเบลล่าก็คล้ายกับโป๊ป คือบทพุดตานโดดเด่น ส่วนบทคุณหญิงการะเกดก็ไม่ต่างจากบทพระยาวิสูตรสาคร และเบลล่าเองก็มากฝีมือไม่แพ้กัน
ในความรู้สึกส่วนตัวก็แอบกังวลเหมือนกันว่าจะแปลก ลูกรักผู้หญิงที่หน้าเหมือนแม่ แม่กอดลูกที่หน้าเหมือนพ่อ ถ้าแสดงความรู้สึกไม่ขาด ไม่ชัดเจน ก็จะล่อแหลมทางศีลธรรมมาก แต่ถ้าให้โป๊ปกับเบลล่ามาเล่นเป็นพ่อแม่อย่างเดียว ก็รู้สึกว่าเสียของมากจริง ๆ และการที่ทั้งสองยินดีตอบรับก็คงเป็นเพราะบทบาทเหล่านี้ท้าทายชีวิตการเป็นนักแสดง ซึ่งถ้าทั้งคู่ทำได้ ก็เท่ากับยกระดับความเป็นมืออาชีพของทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี
