แม่หยัว คือใคร ทำไมถึงเรียก แม่หยัว ประวัติ ท้าวศรีสุดาจันทร์

แม่หยัว คือใคร เปิดประวัติ ท้าวศรีสุดาจันทร์ จากละคร แม่หยัว The Empress of Ayodhaya แม่หัวเมืององค์เดียวแห่งอโยธยา สู่หน้าที่อันยิ่งใหญ่ ที่เดิมพันด้วย อำนาจ และ หัวใจ

ประวัติ ท้าวศรีสุดาจันทร์ ที่ร้อนแรงสุด ๆ จากละคร แม่หยัว ละครอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์ของช่อง one31 ที่ได้ ใหม่ ดาวิกา นางเอกพันล้าน มารับบทเป็น ท้าวศรีสุดาจันทร์ สตรีผู้ถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ไทย ที่ทำบัลลังก์กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาสั่นคลอน ซึ่งแม้ว่าสิ่งที่ถูกพูดถึงเกี่ยวกับตัวละครดังกล่าวจะเป็น ท่าพับเป็ด หรือความสัมพันธ์กับ ขุนวรวงศาธิราช แต่หากมองย้อนไปในอดีต ท้าวศรีสุดาจันทร์ ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์ไทยสมัยยุคมืดของกรุงศรีอยุธยา ที่ปรากฏการเข่นฆ่าเพื่ออำนาจมากมาย ทำให้หลายคนเริ่มให้ความสนใจและอยากรู้จัก ท้าวศรีสุดาจันทร์ ให้มากขึ้น วันนี้กระปุกจะพาทุกคนไปรู้จัก ประวัติ ท้าวศรีสุดาจันทร์ แม่หัวเมืองแห่งอโยธยา นางพญาผู้มีบทบาทในประวัติศาสตร์ไทย อยู่คู่กษัตริย์อยุธยากว่า 5 รุ่น

ประวัติ ท้าวศรีสุดาจันทร์

ท้าวศรีสุดาจันทร์ หรือ แม่หยัวศรีสุดาจันทร์ เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นพระมเหสีของสมเด็จพระไชยราชาธิราช มีพระราชโอรส 2 พระองค์ คือ พระยอดฟ้า และพระศรีศิลป์ มีบทบาทสำคัญในการเมืองของราชสำนักอยุธยา โดยเฉพาะหลังจากการสวรรคตของสมเด็จพระไชยราชาธิราชในปี พ.ศ. 2091

เรื่องราวของ ท้าวศรีสุดาจันทร์ ได้ถูกบันทึกเอาไว้ในแผ่นหินศิลาที่จารึกถึงพระชาติกำเนิด โดยมีข้อสันนิษฐานว่าอาจสืบเชื้อสายมาจากสมเด็จพระเจ้ารามราชาแห่งราชวงศ์อู่ทอง ที่เสียราชสมบัติแล้วถูกส่งไปอยู่เมืองปทาคูจาม พระองค์ถูกละเว้นไว้ในฐานะที่เป็นตระกูลผู้สืบเชื้อสาย จึงได้รับการเลี้ยงดูสืบมาและให้มาทำหน้าที่สำคัญในราชสำนัก

นอกจากนี้ยังมีบางตำราบอกเกี่ยวกับประวัติท้าวศรีสุดาจันทร์ ว่าพระองค์ถือกำเนิดจากคนสามัญในครอบครัวยากจนแสนเข็ญ บิดามารดาอยู่ที่บ้านนาเกลือปากน้ำเจ้าพระยา ตำบลสาขลา แขวงเมืองพระประแดง มีชื่อเดิมว่า บัวผัน เมื่อเกิดมาตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาวมีความมหัศจรรย์อย่างมาก คือความงดงามของเรือนร่างที่พิเศษในแบบที่หญิงอื่นไม่มี กลิ่นกายที่หอมราวกับดอกชำมะนาด ทำให้ชายใดที่ได้อยู่ใกล้ไม่อาจยับยั้งชั่งใจได้ จนมีคนนำความส่งต่อไปยังกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระอัครมเหสีรับสั่งให้นำบัวผันมาเข้าเฝ้า และทรงเมตตารับเลี้ยงไว้ให้รับใช้ใกล้ชิด จนในที่สุดก็ได้นำตัวบัวผันไปถวายต่อพระราชสวามี หรือ สมเด็จพระไชยราชาธิราช กษัตริย์องค์ที่ 13 แห่งกรุงศรีอยุธยา

ท้าวศรีสุดาจันทร์ พระสนมจากทิศตะวันออก

เมื่อถวายตัวเป็นพระชายาในสมเด็จพระไชยราชาธิราช พระองค์จึงยกขึ้นเป็นเจ้าจอม อยู่งานพระสนมเอก พระราชทานชื่อใหม่ว่า ศรีจันทร์ เพราะผิวเนื้อของนางละเอียดนวลเป็นสีเหลืองเหมือนสีผลจันทน์สุก ทั้งกลิ่นกายก็ยังหอมรัญจวนพระราชหฤทัย จึงโปรดปรานนางศรีจันทร์ยิ่งกว่าพระสนมองค์อื่น ๆ จนเริ่มเข้ามามีบทบาทในราชสำนัก

พระสนมเอกสี่ทิศคืออะไร

ทั้งนี้ ในกฎหมายของกรุงศรีอยุธยา ซึ่งคือ พระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน ที่ตราขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1998 รัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ได้กำหนดเอาไว้ว่า พระมหากษัตริย์จะมีพระสนมเอก 4 ตำแหน่งที่เป็นหญิงผู้สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ทั้งสี่ที่อยู่รายรอบกรุงศรีอยุธยา เป็นเหมือนดั่งสัญลักษณ์แสดงถึงพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยาที่แผ่ไพศาลออกไปทั้ง 4 ทิศ ประกอบไปด้วย

ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ราชวงศ์พระร่วง จากทิศเหนือ
ท้าวอินทรสุเรนทร์ ราชวงศ์สุพรรณภูมิ จากทิศตะวันตก
ท้าวอินทรเทวี ราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช จากทิศใต้
ท้าวศรีสุดาจันทร์ ราชวงศ์ละโว้อู่ทองอโยธยา จากทิศตะวันออก

ว่ากันว่าหากพระสนมองค์ใดให้การประสูติพระราชโอรสที่จะได้ขึ้นเสวยราชย์เป็นกษัตริย์ พระสนมองค์นั้นก็จะได้รับการยกฐานะขึ้นสูงกว่าพระสนมองค์อื่น ๆ เป็น แม่อยู่หัว หรือ แม่หยัว หรือ แม่หัวเมือง โดยพระสนมที่ประสูติพระราชโอรสได้เป็นองค์แรกคือ ท้าวศรีสุดาจันทร์ ซึ่งพระราชโอรสมีพระนามว่า พระยอดฟ้า ถัดจากนั้นท้าวศรีสุดาจันทร์จึงได้รับการอวยยศเป็น แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ หรือ แม่หยัวศรีสุดาจันทร์ ในเวลาต่อมา

หลังจากที่มีพระราชโอรสด้วยกันแล้วนั้น แม่หยัวศรีสุดาจันทร์ก็กลายเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระไชยราชาธิราชเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์เอาไว้ว่า สมเด็จพระไชยราชาธิราชนั้นโปรดท้าวศรีสุดาจันทร์มากขึ้นถึงขั้นให้เฝ้าไว้ข้างกาย และเมื่อนางกราบทูลสิ่งใดพระองค์ก็ทรงเชื่ออยู่เสมอ เมื่อครั้งสมเด็จพระไชยราชาธิราชออกไปทำศึกสงครามก็จะโปรดให้แม่หยัวศรีสุดาจันทร์นั่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการแผ่นดินแทนพระองค์ และอวยยศให้เป็น นางพระยาเจ้าแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ ทำให้พระนางกลายเป็นอิสตรีที่เป็นใหญ่ ทรงอำนาจ มากไปด้วยบารมีที่สุดในกรุงศรีอยุธยาเลยก็ว่าได้

ความสัมพันธ์ระหว่าง ท้าวศรีสุดาจันทร์ และขุนวรวงศาธิราช

เมื่อครั้งที่สมเด็จพระไชยราชาธิราชเสร็จกลับจากราชการสงคราม พระองค์ทรงประชวรและเสด็จสวรรคต ทำให้พระยอดฟ้าต้องสืบราชสมบัติต่อ ซึ่งในขณะนั้นพระองค์มีพระชนมายุเพียง 11 ชันษา แต่ต้องขึ้นเป็น สมเด็จพระยอดฟ้า กษัตริย์พระองค์ที่ 14 แห่งกรุงศรีอยุธยา โดยมีแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ พระราชมารดา เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

วันหนึ่งแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ได้เสร็จไปยังพระที่นั่งพิมานรัตยาหอพระข้างหน้า ได้ทอดพระเนตรเห็น พันบุตรศรีเทพ ผู้เฝ้าหอพระ พระองค์เกิดความเสน่หารักใคร่ จึงให้สาวใช้นำเอาเมี่ยงหมากห่อซับพระพักตร์ (ผ้าเช็ดหน้า) ไปพระราชทานให้ พันบุตรศรีเทพรู้ความหมายว่าพระนางมีใจรัก จึงเอาดอกจำปาส่งให้สาวใช้ไปนำถวาย ยิ่งทำให้แม่อยู่หัวเกิดความกำหนัดในพันบุตรศรีเทพมากขึ้น

ต่อมาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ได้ให้พระยาราชภักดีเลื่อนพันบุตรศรีเทพขึ้นเป็น ขุนชินราช ผู้รักษาหอพระข้างใน และให้ขุนชินราชคนเดิมกลับลงไปเป็นพันบุตรศรีเทพแทน หลังจากนั้นขุนชินราชก็ลักลอบเป็นชู้กับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์เรื่อยมา จนในที่สุดขุนชินราชก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็น ขุนวรวงศาธิราช เพื่อเป็นการเพิ่มอำนาจ จากนั้นแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ได้รับสั่งให้ปลูกจวนสำหรับขุนวรวงศาธิราชว่าราชการ ให้พิจารณาเลขสังกัดสมพรรค์ และพระราชทานราชอาสน์ หรือพระที่นั่งสำหรับกษัตริย์ ตั้งไว้ด้านหน้าให้ขุนวรวงศาธิราชนั่ง เพื่อให้ขุนนางทั้งหลายเกิดความยำเกรง หากตอนนั้นคนใดที่ไม่เข้าเป็นพวกของพระนางก็จะรับสั่งให้สังหารหรือให้ออกจากตำแหน่ง

ท้าวศรีสุดาจันทร์ สนับสนุนการขึ้นครองราชย์

ของขุนวรวงศาธิราช

เมื่อมีอำนาจอยู่ในมือ ประกอบกับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ทรงครรภ์กับขุนวรวงศาธิราช พระนางก็ได้อ้างว่าพระยอดฟ้ายังทรงพระเยาว์ หัวเมืองฝ่ายเหนือก็ไม่เป็นปกติ จึงได้ปรึกษากับเหล่าขุนนางหมายว่าจะให้ขุนวรวงศาธิราชว่าราชการแผ่นดินแทนจนกว่าพระยอดฟ้าจะทรงเจริญพระชนมพรรษา ต่อมาก็เกิดความวุ่นวายขึ้นในราชสำนัก เมื่อแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์สมคบกับขุนวรวงศาธิราชลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระยอดฟ้าด้วยการวางยาพิษ ก่อนที่จะเชิญขุนวรวงศาธิราชเข้ามาในนิเวศมณเฑียรสถาน แล้วตั้งพระราชพิธีราชาภิเษกเป็น เจ้าพิภพกรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา เป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่แห่งกรุงศรีอยุธยา

ท้าวศรีสุดาจันทร์ ถูกลอบปลงพระชนม์

ภายหลังจากการขึ้นครองราชย์ของขุนวรวงศาธิราชได้ไม่นาน กรมการเมืองลพบุรีได้เข้าเฝ้ากราบทูลว่า มีช้างเผือกเชือกหนึ่งที่ลพบุรี ขุนวรวงศาธิราชรับสั่งว่าจะไปคล้องเองแต่เกิดเปลี่ยนพระทัย จน 7 วันต่อมาช้างเผือกได้เข้ามาทางวัดแม่นางปลื้มเข้าเพนียดวัดซอง ก็ได้รับสั่งว่าหนนี้จะไปคล้องเอง ในระหว่างที่ขุนวรวงศาธิราช แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ พระธิดา และพระศรีศิลป์ กำลังประทับเรือพระที่นั่ง ขุนวรวงศาธิราช แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ และพระธิดา ก็ถูกลอบปลงพระชนม์ที่คลองสระบัว ก่อนที่จะนำพระศพทั้งหมดไปเสียบประจานไว้ที่วัดแร้งให้เป็นที่อับอาย สิ้นสุดแผ่นดินขุนวรวงศาธิราชที่ครองราชย์ได้เพียง 42 วัน ถือเป็นจุดสิ้นสุดยุคสมัยของ ท้าวศรีสุดาจันทร์ และยุคมืดของกรุงศรีอยุธยาอย่างแท้จริง

ท้าวศรีสุดาจันทร์ ในละคร แม่หยัว

ในละคร แม่หยัว ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ รับบทเป็น จินดา หรือ ท้าวศรีสุดาจันทร์ ธิดาของออกพระลพบุรี ผู้เลิศด้วยรูปลักษณ์และสติปัญญา เธอถือกำเนิดด้วยดวงชะตาที่สูงส่งเหนือคนทั้งปวง พร้อมรับภารกิจที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือการช่วงชิงบัลลังก์จากพระไชยราชาธิราช กษัตริย์นักรบแห่งอโยธยา กลับสู่เชื้อสายราชวงศ์ละโว้ของตน ซึ่งสาวใหม่ก็สร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก ทั้งลุคสวยสง่าสะกดทุกสายตาในชุดไทยแบบขอมละโว้ และท่าพับเป็ด ที่บอกเลยว่าทำถึงทั้งท่าทางที่ตรงเป๊ะและอินเนอร์ของเจ้าตัว

นอกจากนี้ยังมี ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ ในบท ขุนวรวงศาธิราช, ตุ้ย ธีรภัทร์ สัจจกุล ในบท สมเด็จพระไชยราชาธิราช ร่วมด้วย เฟิร์น นพจิรา ฤกษ์ขจรนามกุล, บิ๊นท์ สิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์, พ้อยท์ ชลวิทย์ มีทองคำ และเป้ย ปานวาด เหมมณี ร่วมแสดงในละคร แม่หยัว ซึ่งเป็นการตีความเนื้อหาใหม่ในมุมมองของแม่หยัวศรีสุดาจันทร์ พระสนมเอกในสมเด็จพระไชยราชาธิราช ว่าก็มีอีกมุมที่คนอื่นไม่เคยรู้

สำหรับใครที่อยากรู้เกี่ยวกับความเข้มข้นของเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ มหากาพย์แห่งเกมชิงอำนาจ และเรื่องราวความรักอันแสนอื้อฉาวของท้าวศรีสุดาจันทร์และขุนวรวงศาธิราช สามารถติดตามละครพีเรียดฟอร์มยักษ์ แม่หยัว ได้ทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง one31 (เวอร์ชั่นTV) ทางเว็บ oned.net และแอปฯ oneD (เวอร์ชั่น UNCUT)

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ขอบคุณข้อมูลจาก : ห้องสมุดดิจิทัลวัชรญาณ, silpa-mag.com, huexonline.com, ช่อง one และ Instagram davikah

แม่หยัว คือใคร ทำไมถึงเรียก แม่หยัว เปิดประวัติ ท้าวศรีสุดาจันทร์ นางพญาผู้กุมอำนาจแห่งอโยธยา