เพลิงตะวัน
เซฟฟานี ออกปาก บทสองคาแรคเตอร์ใน เพลิงตะวัน สุดท้าทาย (ดูมันดี)
ขึ้นแท่นนางเอกดาวรุ่งมากความสามารถอีกคนของวงการบันเทิง สำหรับนางเอกสาวไฟแรง เซฟฟานี อาวะนิค กับบทบาทสุดท้าทายในละครเรื่องล่าสุด เพลิงตะวัน ละครแนวแอ็คชั่นดราม่าของผู้จัดฯ ผู้กำกับฯ ไฟแรง วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร ค่ายดูมันดี งานนี้หนุ่มวุธเคี่ยวสาวเซฟอย่างหนัก เพราะสองคาแรคเตอร์ในละครเรื่องนี้ไม่ง่ายเลยทีเดียว
สาวเซฟออกปากว่า แม้จะผ่านละครมาไม่กี่เรื่อง แต่เรื่องนี้ถือว่าท้าทายสุด ๆ และชื่นชอบมากเป็นพิเศษ เพราะเธอได้เรียนรู้ศาสตร์ด้านการแสดงมากขึ้น รวมทั้งได้ฝึกฝนฝีมือด้านการแสดงของตัวเองอีกด้วย มาร่วมพูดคุยกับเธอให้มากขึ้นจากบทสัมภาษณ์นี้กันดีกว่า...
ในละครเรื่องนี้เซฟต้องรับบทถึงสองคาแรคเตอร์
"จริง ๆ ก็เป็นคนเดียวกัน แต่มี 2 บุคลิก 2 คาแรคเตอร์ โดย ตะวัน จะเป็นผู้หญิงที่สูญเสียความทรงจำ ทำอะไรไม่เป็น เหมือนเกิดใหม่ แล้วก็ได้ แม่นวล (ปิยะมาศ โมนยะกุล) กับ ธงไทย (กันตพงศ์ บำรุงรักษ์) คอยสอนจนเราเริ่มทำอะไรเป็นทุกอย่าง คาแรคเตอร์ จะเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อย นุ่มนวล เป็นคนที่คิดบวกไม่คิดร้ายกับใคร "
"ส่วน ปรางค์ทอง จะมาก่อนตะวัน เป็นผู้หญิงที่โหดร้าย ถูกฝึกให้เป็นนักฆ่า จึงฆ่าคนมากมาย แถมถูกสั่งให้ไปทำลายครอบครัว นันทวัฒน์ (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) โดยพ่อ (สรพงษ์ ชาตรี) ปลูกฝังว่าครอบครัวนี้ทำร้ายเรา ปรางค์ก็เหมือนหุ่นยนต์ทำตามพ่อสั่ง เพราะบุญคุณของพ่อ เราจึงทำตามทุกอย่าง โดยตัว ตะวัน เกิดขึ้น หลังจากที่ปรางค์ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บมากแล้วพยายามหนีจนมาเจอธงไทย ช่วยไว้ หลังจากผ่าตัดสมองฟื้นขึ้นมาเราก็สูญเสียความทรงจำ ธงไทยเลยตั้งชื่อให้เราใหม่ว่า ตะวัน ซึ่งบทนี้บอกได้เลยว่า ท้าทายและชอบมาก ๆ เลยค่ะ"
ตอนที่ได้รับการติดต่อให้รับบทนี้ รู้สึกอย่างไรบ้าง
"พอรู้ว่าจะได้ร่วมงานกับพี่วุธ (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) ก็ดีใจนะคะ เพราะเซฟก็เพิ่งผ่านงานแสดงมาไม่กี่เรื่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็คือเรื่องที่ 5 เอง ถือว่าเรายังใหม่นะกับการแสดง และหลังจากได้อ่านเรื่องย่อ แล้วรู้ว่าเราจะเล่นบทอะไรยอมรับว่าชอบมาก รู้สึกเป็นบทที่ท้าทายตัวเรามาก และรู้เลยว่าต้องสนุก เพราะเป็นบทที่เราจะได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ไม่ใช่แค่เล่นดราม่าหรือบู๊อย่างเดียว ยังมีกุ๊กกิ๊ก คอเมดี้หน่อย ๆ ในบางฉาก เป็นตัวละครที่มีหลากหลายอารมณ์มาก ดีใจนะคะที่ได้แสดงบทนี้ แต่ในใจลึก ๆ ก็รู้สึกกังวลเหมือนกันว่า เราเก่งพอแล้วหรือที่จะแสดงบทนี้ ซึ่งผู้ใหญ่ทางช่องคงคิดอีกแบบอยากให้เราได้เรียนรู้กับการแสดงใหม่ ๆ เพื่อจะได้เก่งขึ้น แล้วก็จริงเพราะเราได้วิชา ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ถ้าเราไม่ลองก็คงไม่เก่งขึ้นค่ะ"
เข้าฉากวันแรกก็ไปถ่ายที่ญี่ปุ่นเลยใช่มั้ย
"ใช่ค่ะ ฉากที่ถ่ายที่ญี่ปุ่นเป็นฉากอดีตเล่าถึงปรางค์ทอง ไปเจอ นันทวัฒน์ ที่ไหน แล้วก็มีถ่ายฉาก นันทวัฒน์ พาปรางค์ที่สูญเสียความทรงจำไปฟื้นฟูความทรงจำว่าเราเจอกันที่ไหน จำได้หรือไม่ ซึ่งในพาร์ตนี้มีธงไทยเข้าฉากด้วยค่ะ ยอมรับว่าในตอนนั้นความที่ยังเห็นบทน้อยมาก เซฟยังไม่ค่อยเข้าใจบทเท่าไหร่จริง ๆ โชคดีที่พี่วุธพยายามอธิบายถึงบทคร่าว ๆ ก็เลยทำให้ทุกอย่างถ่ายทำออกมาได้ดีในเวลาที่มีตอนนั้นถ่ายได้หลายซีนค่ะ เซฟต้องพยายามทำความเข้าใจอย่างเร็ววันแรกฉากแรกต้องเข้าฉากกับพี่เอส กับพี่วุธเลย รู้สึกเกร็งเหมือนกันว่าเราจะพูดผิดหรือเปล่า แต่พอถ่ายฉาก 2 ฉาก3 ได้คุยกันก็เริ่มรู้จักกันสนิทขึ้นหน่อยทำให้การแสดงเริ่มโอเคขึ้นค่ะ"
ไปถ่ายที่ญี่ปุ่นได้นั่งรถลาก และใส่ชุดกิมโมโน ด้วยรู้สึกยังไงบ้าง
"เซฟรู้สึกว่าพี่คนที่ลากรถให้เรานั่งตัวเล็กมาก แต่เขากลับแข็งแรงมากในฉากปรางค์ทองกับนันทวัฒน์ จะนั่งรถลากชมเมือง เขาลากวิ่งฉิวเลยค่ะ ซึ่งเป็นการนั่งรถลากครั้งแรกก็รู้สึกกลัวเขาพลาดเหมือนกัน เพราะพอเขาวิ่งมันก็มีเด้ง ๆ ด้วย แต่ก็ได้ภาพออกมาสวยค่ะ รู้เลยว่าเขาคงมีการฝึกฝนมาดี ส่วนการได้ใส่ชุดกิมโมโน เป็นครั้งแรกที่ได้ใส่คะ ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นของชุดรู้สึกแปลก ๆ ดีไม่เหมือนกับชุดไทย แต่ชุดกิมโมโนกลับใส่ง่ายกว่า แถมใส่แล้วทำให้รู้สึกอุ่นมากเลย นอกจากนี้ยังมีรองเท้าที่มากับชุดเวลาใส่แล้วเดินยากมาก โดยหลังจากแต่งเสร็จเรียบร้อยเซฟชอบนะมันดูน่ารักดีค่ะ"
บทบาทในตัว ตะวัน ชอบฉากไหนมากที่สุด และยากที่สุด
"จริง ๆ มีหลายฉาก แต่ถ้าให้เลือกฉากที่ชอบมาก ๆ แล้วก็ยากด้วยก็คงเป็นฉากที่ถ่ายช่วงแรก ๆ ที่ไปถ่ายในไร่ทานตะวัน ซึ่งในฉากนั้นตะวันยังเดินไม่ได้ แถมก็ยังพูดไม่ค่อยได้ พอโดน จ๊ะจ๋า (เฟิร์น-ณัชยกานต์ ปากหวาน) แกล้งก็เลยพยายามจะไปหาธงไทย เพราะเป็นคนเดียวที่ตะวันรู้สึกว่าปลอดภัยที่สุดเวลาอยู่ด้วย ในฉากก็มีทั้งล้มจากเก้าอี้รถเข็น พอเห็นไทยก็ต้องพยายามพยุงตัวลุกขึ้น เวลาเดินต้องแสดงให้รู้สึกว่าเวลาก้าวแต่ละก้าวขาจะเจ็บมาก แล้วยังต้องร้องไห้น้ำตาไหลพราก มันเป็นอะไรที่รู้สึกเล่นยากแล้วก็ชอบด้วยค่ะ
"นอกจากนี้ช่วงฉากตอนที่เราเริ่มจำได้ว่าเราเคยแต่งงานมาแล้วเป็นใคร แต่เราก็ยังรักธงไทยอยู่ อยากอยู่ด้วย แต่ในขณะเดียวกัน ก็อยากรู้ความจริงว่าใครตามฆ่าเรา เวลาแสดงมันต้องออกมาเป็นกึ่งตะวันกึ่งปรางค์ จึงต้องคอยระวังจะแสดงไปทางไหนมากไม่ได้ อย่างบางฉากตอนต้น ตามองเหมือนปรางค์ แต่พอกลางฉากเล่นไปต้องยิ้มเหมือนตะวัน มันสลับไปมายอมรับว่างง ซึ่งเวลาแสดงเราต้องเล่นให้ชัด เพื่อให้คนดูเห็นแล้วแยกออก จึงเป็นช่วงการแสดงที่รู้สึกสับสนเหมือนกันไม่ง่ายเลยค่ะ"
แล้วบทบาท ปรางค์ทอง ชอบฉากไหนมากที่สุดและยากที่สุด
"แม้จะเป็นเรื่องแรกที่ได้เล่นบู๊เตะต่อย ยิงปืน แต่ทุกฉากที่เล่นชอบหมดนะ ซึ่งฉากที่ชอบที่สุดก็เป็นฉากถ่ายที่ ป่าโกงกาง จ.จันทบุรี ปรางค์ต้องบู๊กับ คีริน (โรส ศิรินทิพย์) ถือปืนไล่ยิงกัน มันสนุกแล้วก็มันส์มาก ถ่ายทำท่ามกลางสายฝน มีลุยโคลน ตัวเปื้อนกันไปหมด ทำให้รู้สึกอินเหมือนเราเป็นนักฆ่าจริง ๆ ให้ลุยเปื้อนขนาดไหนก็ไม่สนบรรยากาศฉากนี้ทุกอย่างออกมาดูสมจริงมากค่ะ ส่วนฉากที่คิดว่ายากของปรางค์ก็ต้องเป็นฉากที่เราต้องหลอกพิชิตว่าเรารักเขาแล้วทำให้เขาหลงรักเรา ซึ่งเวลาแสดงเราต้องเข้าใกล้ชิดกันมาก แล้วยังมีใส่ชุดนอนเข้าไปหาเขาในห้อง ในตอนแรก ๆ ที่เล่นก็เลยรู้สึกเกร็ง ๆ เล่นไม่ถูก ยอมรับว่ายากค่ะ"
เล่นฉากบู๊ มีพลาดคิวเจ็บมั้ย
"ปกติก็เป็นคนที่ซุ่มซ่ามเลยโดนขีดข่วนมีเลือดออกซิบ ๆ บ้าง แล้วก็มีตอนตีลังกา ซึ่งตีลังกาบนพื้นปรากฏว่าไหล่ไปกระแทกกับหินใหญ่ วันรุ่งขึ้นไหล่เขียวช้ำเป็นอาทิตย์เลย แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากเล่นบทบู๊อีก เพราะปกติเป็นคนชอบลุย ๆ ชอบพวกสปอร์ตอยู่แล้ว เวลาเล่นบู๊ จึงรู้สึกเหมือนได้แอ๊คทีฟตลอดเวลาทำให้มีพลังค่ะ"
สำหรับตัวละคร 2 คาแรคเตอร์นี้ ผู้กำกับอัษฎาวุธ มีการเน้นตรงไหนเป็นพิเศษหรือไม่
"พี่วุธจะเน้นมากตอนเวลาเราแสดงเป็นตัว ปรางค์ทอง มากกว่า ตะวัน อาจเป็นเพราะบท ปรางค์ทอง ถือเป็นบทใหม่สำหรับเซฟ ในช่วงแรก ๆ ก็ยังงงเล่นไม่ค่อยถูก ไม่รู้จะเล่นประมาณไหน ทำให้บทร้ายที่เล่นออกมามันดูไม่ปิดบังแสดงออกเกินไป แต่ที่ถูกตัวละครตัวนี้ต้องร้ายลึก คนดูไม่ออก ถ้าจะแสดงออกก็แค่ทางสายตา ซึ่งในเรื่องเราต้องฆ่าคนอย่างเลือดเย็นมากมาย โดยตอนกำกับพี่วุธก็จะอธิบายให้เรานึกภาพออกว่าเป็นมายังไง แล้วเราที่เกลียด หรือเวลาต้องฆ่าคนนั้นคนนี้เพราะอะไร เหมือนช่วยบิวส์อารมณ์ เวลาแสดงก็ให้แสดงมาจากข้างในจากทางสีหน้า และสายตา ไม่มีการใช้คำพูดแผดเสียงด่าว่า ตอนเล่นจึงรู้สึกยากมาก แต่เมื่อเราเข้าใจแล้วทำได้เมื่อเล่นเสร็จไปเช็คดูมอนิเตอร์เซฟรู้สึกว่าการแสดงเราดีขึ้นเปลี่ยนไปเยอะเลย เล่นไม่แข็งเหมือนเมื่อก่อน ที่สำคัญภาษาไทยดูดีขึ้นไม่ค่อยเพี้ยน นอกจากนี้นักแสดงทุกคนที่ได้ร่วมงานด้วยเวลาแสดงก็พยายามส่งอารมณ์ให้ มันก็ช่วยเราได้เยอะมันจึงทำให้ทุกอย่างราบรื่นค่ะ"
พูดถึงการร่วมงานกับพระเอก (เอส กันตพงศ์) กันหน่อย
"ไม่เคยรู้จักมาก่อนแต่เคยเห็นพี่เขาเล่นละครเรื่อง พราว ซึ่งเมื่อได้ร่วมงานกันพี่เอสก็เป็นคนที่แฮปปี้ อารมณ์ดี พูดเก่ง ถ้าว่าง ๆ ก็มีอะไรมาคุยให้ฟังตลอดเวลาค่ะ"
ในเรื่องมีเลิฟซีนเล็ก ๆ กับ เอสด้วย
"ยอมรับว่าเขินนิด ๆ เพราะเล่นมาครึ่งเรื่องไม่มีฉากแบบนี้เลย แต่พอแต่งงานมันก็เลยต้องมีนิดนึง เทคเดียวผ่าน"
ถ้าเราเป็นตัวละครในเรื่องระหว่าง ธงไทย และ นันทวัฒน์ เราจะเลือกใคร
"คงจะเลือก ธงไทย เพราะธงไทยเหมือนเป็นคนให้ชีวิตใหม่กับเรา ตลอดเวลาที่เราจำความไม่ได้ เขาก็จะคอยดูแล สอนอะไรเราต่าง ๆ นานา ดีกับเราแถมยังรักเราอีก สำหรับนันทวัฒน์ แม้เขาจะรักเรา แต่ก็มีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นมากมาย ที่สำคัญถ้าไปเลือกก็กลัวถูกตามฆ่าอีกค่ะ"
คิดว่าละครเรื่องนี้จะให้อะไรกับคนดู
"เซฟว่าให้อะไรหลายอย่างมาก อย่างแรกก็คือได้รับความบันเทิง จากนั้นเมื่อมองเข้าไปในเรื่องก็เห็นว่า ตัวละครในเรื่องทุกตัวล้วนเป็นสีเทา ซึ่งมีทั้งจุดดี และไม่ดีของตัวเอง จึงมีบทสรุปออกมาให้เห็น นอกจากนี้ในละครยังกล่าวถึงเรื่องของครอบครัว ซึ่งก็มีการสอนให้รู้ว่าเราควรจะอยู่อย่างไรถึงจะมีความสุข เป็นละครที่อยากให้ทุกคนติดตามชมเรื่องราวเข้มข้นถูกใจกันแน่นอนค่ะ"
ออกตัวแรงขนาดนี้ แฟน ๆ ละครห้ามพลาดเด็ดขาด ติดตามชมบทบาทสุดท้าทายของ เซฟฟานี อาวะนิค ทุกคืนวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี