หนึ่งในทรวง เรื่องย่อละครช่อง 3 เพียงเธอคนเดียว ที่จะอยู่ในใจฉัน ตลอดไป ติดตามชมได้ทุกวัน เวลา 20.30 น.
คุณชายประสาทพรมีโครงการจะไปศึกษาดูงานต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 2 ปีเต็ม จึงจำเป็นต้องส่งคุณหญิงกรกนกกลับไปอยู่วังกับท่านพ่อ แต่คุณหญิงกลัวหม่อมราศรี ซึ่งเป็นแม่เลี้ยง จึงขอร้องให้หทัยรัตน์ไปพูดกับคุณชาย ขออยู่กับแม่โอ ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงที่บ้านตามลำพัง สุดท้ายด้วยความเป็นห่วงน้องสาวคุณชายประสาทพร จึงตัดสินใจไปพูดกับนายวิทย์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง และอนวัช ขอให้คุณหญิงกรกนกไปอาศัยอยู่ที่บ้านเป็นการชั่วคราว ซึ่งทั้งนายวิทย์และอนวัชก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ทำให้คุณชายประสาทพรรู้สึกสบายใจขึ้น ในที่สุดงานวันเกิดของนายสุทธิ์ก็มาถึง คุณนายสีสุกและส่องแสงก็มาด้วย พอมาถึงก็ต้องผิดหวังเพราะไม่พบหน้าอนวัช แต่เมื่องานเต้นรำเริ่มขึ้นอนวัชก็มาได้ทันเวลาพอดี ส่องแสงถือโอกาสเต้นรำกับอนวัชแทบทุกเพลง โดยไม่ยอมให้สาวใดเข้าใกล้ ข้างฝ่ายหทัยรัตน์ก็มีหนุ่ม ๆ มาขอเต้นรำไม่ซ้ำหน้าเหมือนกัน ต่างคนต่างเฝ้ามองกันและกัน
สัทธาประกาศให้ทุกคนในงานรู้ว่างานในวันนี้นอกจากจะเป็นงานวันเกิด ยังต้องการให้ครึกครื้นด้วยการจัดให้มีการเลือก ควีน และ คิง ของงาน คือหนุ่มหล่อยและสาวสวยที่สุดของงาน โดยให้ทุกคนที่มาในงานเป็นผู้ลงคะแนนกันเอง และในที่สุดผลก็ออกมาตามความคาดหมายของสัทธาและสุดาสองพี่น้องนั่นคือ หทัยรัตน์ ได้ตำแหน่งควีน ส่วนอนวัชได้ตำแหน่งคิงอย่างไร้คู่แข่ง ทั้งคู่ขึ้นไปรับรางวัลจากนายสิทธิ์และถ่ายรูปคู่กัน พร้อมกันนั้นทั้งคู่ยังต้องเป็นผู้เปิดฟลอเต้นรำด้วยกันอีกครั้ง ทำเอาอนวัชและหทัยรัตน์โมโหจนพูดไม่ออกเพราะรู้ว่าเป็นแผนการของสองพี่น้อง คืนนั้นอนวัชและหทัยรัตน์ เต้นรำด้วยกันอย่างฝืนใจสุด ๆ ต่างคนต่างพูดจาเอาชนะกันและกัน และสุดท้ายก็จบลงด้วยความปั้นปึ่งใส่กันเหมือนเดิม ทำเอาสองพี่น้องสัทธาและสุดาผิดหวังไปตาม ๆ กัน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเปิดของขวัญที่ได้รับจากนายสุทธิ์ก็เกิดสลับกับของอนวัชอีก เพราะหทัยรัตน์เปิดกล่องมาเป็นแหนบสำหรับเสียบเนคไททองคำ ทำเป็นรูปคทาสวยงาม ซึ่งจริง ๆ แล้วของผู้หญิงต้องเป็นเข็มกลัดเพชรรูปมงกุฏ แต่ด้วยทิฐิของทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างก็ไม่ยอมเปลี่ยนกัน
คุณชายประสาทพรมาบอกหทัยรัตน์เรื่องที่คุณหญิงกรกนกและพี่เลี้ยงจะย้ายไปอยู่บ้านของนายวิทย์ ซึ่งจำเป็นจะต้องให้คุณครูตามไปสอนหนังสือที่บ้านนายวิทย์ด้วย ทำให้หทัยรัตน์รู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่ง เพราะเกรงว่าจะต้องเจอหน้ากับนายหนึ่งที่ตัวเองแสนจะเกลียด แต่เมื่อเป็นหน้าที่ก็จำใจต้องรับปากไป ก่อนจะไประบายความอึดอัดใจให้สองพี่น้องสัทธาและสุดาฟัง ซึ่งก็ทำให้สองพี่น้องหัวเราะถูกใจที่ทั้งอนวัชและหทัยรัตน์ยิ่งเกลียดกันมากก็ยิ่งได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่านั้น ในที่สุด ม.ร.ว. ประสาทพร ก็เดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งการจากไปครั้งนี้เต็มไปด้วยความห่วงใย เพราะนอกจากจะห่วงน้องสาวผู้พิการแล้ว ก็ยังห่วงว่าหทัยรัตน์ที่ตัวเองหลงรักนั้น จะมีชายอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวภายในเวลาสองปีที่เขาจากไปหรือเปล่า แต่เขาก็ตั้งใจว่าจะติดต่อกับเธออย่างสม่ำเสมอ โดยไม่รู้ว่าหัวใจของหญิงสาวไม่ได้มีใจคิดกับเขาเป็นอื่นนอกจากนายจ้างกับลูกจ้างเท่านั้น แม้ปากจะบอกว่าไม่รัก แถมเกลียดด้วยซ้ำ แต่อนวัชก็ยังตามตอแยกวนโมโห เฝ้าต่อล้อต่อเถียงยุ่งเกี่ยวกับหทัยรัตน์ระหว่างที่มาสอนหนังสือคุณหญิงที่บ้านแทบทุกวัน ซึ่งต่างคนต่างยังถือทิฐิใส่กัน พินิจมาหาอนวัชที่บ้าน ได้พบกันหทัยรัตน์ รู้สึกดีใจมาก พยายามจะสานสัมพันธ์เดิม แต่หทัยรัตน์ให้ได้เพียงความเป็นเพื่อนเท่านั้น ทำให้พินิจน้อยใจและเสียใจกลับไป
คุณหญิงกรกนกป่วยกระทันหัน มีไข้นอนซม หทัยรัตน์จึงไปเยี่ยมเยียนทุกวันจนคุณหญิงอาการดีขึ้น แต่คุณหมอประสงค์ที่รักษาแนะนำให้พาคุณหญิงไปพักผ่อนต่างจังหวัด เพื่อให้สุขภาพกายและใจดียิ่งขึ้น นายวิทย์จึงเอ่ยปากชวนหทัยรัตน์ให้ไปเป็นเพื่อนคุณหญิงพักผ่อนที่บ้านพักที่หัวหินเป็นเวลาสองสัปดาห์ ซึ่งการไปพักผ่อนครั้งนี้นอกจากนายวิทย์ นายอนวัช คุณหญิงกับพี่เลี้ยง และคุณครูแล้ว ยังมีคุณหมอประสงค์ คุณนายสีสุกกับลูก รวมทั้งสัทธาและสุดา สองศรีพี่น้อง ไปกันเป็นขบวนใหญ่ คุณหมอประสงค์พูดคุยสนิทสนมกับหทัยรัตน์ ทำให้อนวัชหงุดหงิดใจอย่างยิ่ง อีกทั้งเมื่อเห็นจดหมายของคุณชายประสาทพรที่ส่งมาถึงหทัยรัตน์ ก็ยิ่งไม่พอใจยิ่งขึ้น โดยไม่รู้สาเหตุ ประกอบกับพินิจก็ตามมาหาหทัยรัตน์ด้วยความรัก ทำให้อนวัชหมั่นไส้ยิ่งนัก ทั้งอนวัชและหทัยรัตน์ยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตตลอดเวลาที่อยู่หัวหิน
แล้วเย็นวันหนึ่งขณะที่ทุกคนเล่นน้ำทะเล มีการว่ายน้ำแข่งกัน และด้วยความอยากเอาชนะกันและกันของหทัยรัตน์และอนวัช เป็นเหตุให้หทัยรัตน์เกือบจะจมน้ำ ดีที่อนวัชว่ายน้ำไปช่วยไว้ได้ทัน หทัยรัตน์ฟื้นขึ้นมารู้ว่าใครช่วยชีวิต ก็ยังวางฟอร์ม แต่เมื่อมีโอกาสเธอได้ขอบคุณเขา แต่เขาก็ยังวางฟอร์มเหมือนกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น ยิ่งเมื่อแม่ลูกสีสุกกับส่องแสงเดินทางมาถึง ความวุ่นวายก็มีอยู่ตลอดจนหลายคนหงุดหงิดไปตาม ๆ กัน ต่างคนต่างเร่งให้ถึงกำหนดกลับเร็วยิ่งขึ้น
กลับถึงกรุงเทพฯ ได้ไม่นานหมอประสงค์ก็บอกข่าวแต่งงานกับเจ้าสาวชื่ออุรา อนวัชคิดว่าหทัยรัตน์จะผิดหวังเมื่อรู้ข่าว แล้วก็ต้องแปลกใจที่เธอไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับหมอประสงค์เลย แล้วในงานแต่งอนวัชก็รู้ว่าหทัยรัตน์เป็นเพื่อนสนิทกับอุราเจ้าสาว จึงรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นอย่างดี อนวัชโมโหที่ปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปฝ่ายเดียว ก็เลยปล้ำจูบหทัยรัตน์เมื่อไปส่งที่บ้าน หทัยรัตน์โกรธมากได้ตบหน้าเขากลับ แล้วพูดจาด่าว่าด้วยความโกรธจัด แต่อนวัชกลับสะใจที่ครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายชนะหญิงสาว อนวัชยังตามตอแยหญิงสาวด้วยการยื่นข้อเสนอขอแต่งงานด้วย แต่หทัยรัตน์ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ยืนยันว่าไม่เคยคิดจะรักเขา มีแต่ความเกลียดชังที่มอบให้ ทำให้อนวัชยิ่งโมโห หมายมั่นว่าจะต้องเอาชนะหญิงสาวและขอแต่งงานกับเธอให้ได้
พินิจยังไม่เลิกรักหทัยรัตน์ มาที่บ้านและสารภาพรักพร้อมขอแต่งงานกับหทัยรัตน์ หทัยรัตน์ไม่อยากให้เขามีความหวังอีก จึงพูดตัดบทว่ามีคนรักอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้เขาอยู่ไกลบ้าน ทำให้พินิจเข้าใจว่าคนรักของเธอคือคุณชายประสาทพร ดังนั้นเมื่อกลับถึงบ้านพินิจเอาแต่เศร้าซึม กินไม่ได้นอนไม่หลับ เมื่ออนวัชไปเยี่ยมพินิจก็บอกให้รู้ว่าหทัยรัตน์รักกับคุณชาย ทำเอาอนวัชหงุดหงิดใจยิ่งนัก แต่ก็ยังปากแข็ง คุณนายนวลบังคับให้พินิจหมั้งกับจำปีลูกสาวคุณนายลำเจียกเศรษฐีนีเพื่อนของเธอ แต่พินิจยังบ่ายเบี่ยงเธอก็เลยไปหาหทัยรัตน์ พูดจาดูถูกดูแคลนไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับลูกชาย หทัยรัตน์โมโหจึงพูดจาตอกกลับจนคุณนายนวลหน้าหงาย
ทางด้านพินิจยอมเป็นหุ่นเชิดของแม่เพราะรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งที่ปอด จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ก็เลยยอมตามใจแม่หมั้นกับจำปี พร้อมกำหนดวันแต่งงานอย่างเร่งด่วน แต่ยังไม่ถึงวันแต่งพินิจก็ป่วยหนัก พร่ำเพ้ออยากเจอหน้าหทัยรัตน์เป็นครั้งสุดท้าย พินัยจึงไปขอร้องให้อนวัชพาหทัยรัตน์มาเยี่ยม อนวัชชวนหทัยรัตน์ไปเยี่ยมพินิจที่ไร่พนัสพงษ์ แต่หทัยรัตน์เห็นว่าเย็นมากแล้วจึงไม่ยอมไป อนวัชจึงบังคับพาตัวไป แต่พอไปถึงไร่ก็สวนทางกับพินิจ ซึ่งป่วยหนักถูกนำส่งโรงพยาบาลในกรุงเพทฯ อย่างกระทันหัน อนวัชจะขับรถกลับกรุงเทพฯ ทันที แต่รถเสียกลางทางจึงต้องอยู่ค้างคืนที่ไร่ และทราบข่าวว่าพินิจเสียชีวิตในคืนนั้นเอง
เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ จึงโดนทั้งพ่อและคุณสุทธิ์ คุณทิพย์รุมตำหนิที่พาหลานสาวไปค้างอ้างแรมกันสองต่อสอง อนวัชยอมรับผิดทุกอย่าง นายวิทย์จึงปรึกษากับครอบครัวเดือนประดับ ตัดสินใจให้อนวัชหมั้นกับหทัยรัตน์ ตอนแรกหทัยรัตน์ยืนยันปฏิเสธเสียงแข็งแต่สุดท้าย เห็นแก่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย จะต้องผิดใจกันเพราะเธอ ปุ้มจึงยอมรับหมั้น อีกทั้ง ต้องการเอาชนะสองแม่ลูกคือคุณนายสีสุกและส่องแสงที่พูดจาดูถูก เธอจึงตัดสินใจรับหมั้นอนวัช แต่ก็หวังว่าจะสามารถถอนหมั้นได้เมื่อข่าวต่าง ๆ จางหายไป คุณชายประสาทพรกลับกรุงเทพฯ พร้อมทราบข่าวการหมั้นของทั้งคู่ รู้สึกผิดหวังมาก แต่หทัยรัตน์ได้ขี้แจงให้ทราบถึงความจำเป็นที่ต้องหมั้น ทำให้คุณชายรู้สึกดีขึ้น และตั้งใจว่าจะเอาชนะใจของเธอให้ได้ แป้นดีใจมากที่ได้เจอคุณชายประสาทพร ความรัก ความผูกพันเกิดขึ้นในใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ ปุ๊พบจดหมายที่แป้นเขียนติดต่อกับคุณชายประสาทพร เริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ส่องแสงยังคงเฝ้าวนเวียนอยู่ใกล้ตัวหนึ่งไม่ห่าง ซ้ำยังยุให้ประสาทพร ขอปุ้มแต่งงานอีกด้วย ทำให้ทั้งปุ้มและหนึ่ง ต่างหึงหวงกันอย่างไม่รู้ตัว นวลรู้ในที่สุดว่าหนึ่งหมั้นแล้ว ดุด่าพรรณีเป็นการใหญ่เรื่องที่แอบอ้างเอาตัวหนึ่งมาเป็นเกราะกำบัง ที่แท้ ไปควงอยู่กับปุ๊ พรรณีรู้สึกผิดต่อแม่มาก
วิทย์อยากให้หนึ่ง แต่งงานกับปุ้ม หนึ่งแอบดีใจ แต่ก็ลำบากใจเพราะรู้ว่า ยังไม่สามารถทำให้ปุ้มรับรักเขาได้ ยิ่งเมื่อเขาเห็นประสาทพร เขียนจดหมายขอแต่งงานกับปุ้มด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หนึ่งหมดหวัง ถึงแม้ปุ้มจะยังไม่ได้ตอบรับ แต่ในจดหมายก็บอกชัดเจน ว่าปุ้มจะไม่ยอมแต่งงานกับเขาแน่นอน หนึ่งเสียใจ และทำใจไม่ได้ เขาลางานไม่มีกำหนด ขึ้นไปอยู่บ้านพักที่เชียงใหม่ พร้อมทั้งฝากจดหมายประสาทพรไปให้ปุ้ม เขียนบอกถึงการให้อิสรภาพกับปุ้ม หากปุ้มต้องการแต่งงานกับประสาทพร แต่หนึ่งยืนยันในท้ายจดหมายหนักแน่น ว่ารักปุ้มเพียงคนเดียวเท่านั้น ปุ้มได้อ่านจดหมายก็นึกหวั่นไหว แต่เธอก็ไม่สามารถพบหน้ากับหนึ่งได้อีก หนึ่งกินเหล้าเมามายทุกวัน จนปุ๊เป็นห่วง ตามไปดูที่เชียงใหม่ แล้วหนึ่ง ก็ขับรถประสบอุบัติเหตุในคืนหนึ่ง ปุ๊ โทรมาบอกแป้น วิทย์สุทธิ์ ทิพย์ รวมทั้งแป้น กับปุ้ม ว่าหนึ่งอาการสาหัสมาก รุ่งขึ้น ทุกคนจึงรีบตามไปเยี่ยมหนึ่งที่เชียงมใหม่ ยกเว้นแป้น ที่ต้องเคลียร์งานทางกรุงเทพฯก่อน
ประสาทพรสงสัยในความสัมพันธ์ ของหนึ่งกับปุ้ม จึงไปถามแป้น แป้นจึงตอบไปตามตรงว่า ปุ้มกับหนึ่งน่าจะรักกัน แต่ต่างไม่ยอมรับในหัวใจตนเอง ประสาทพร โกรธที่แป้นไม่เคยบอกตน ทำให้ประสาทพรโกรธแป้น แป้นเสียใจมาก เพราะเธอเองก็ไม่อาจบอกประสาทพรได้เช่นกัน ว่า แอบชอบเขาอยู่ หนึ่งอาการไม่สาหัส เท่าที่ปุ๊ บอกกับทุกคน แต่ปุ๊ กับหมอประสงค์ รวมถึงหนึ่ง วางแผน จะให้ปุ้ม สารภาพรักกับหนึ่ง และยอมแต่งงานกับหนึ่งให้ได้ในที่สุด หนึ่งทำทีว่าเจ็บปางตาย ทั้งเดินไม่ได้ ทั้งหน้าเสียโฉม จนปุ้มอดเป็นห่วงไม่ได้ ส่วนปุ๊ ก็สารภาพความจริงกับวิทย์ ทิพย์ สุทธิ์ จนทุกคนหมดห่วง และกลับไปกรุงเทพฯในวันรุ่งขึ้น
ส่องแสงใช้เวลาช่วงที่หนึ่งไม่อยู่ ออกเที่ยวเตร่กับรวยแทบทุกคืน รวยทุ่มเททั้งเงินทอง ความสุขสบายให้กับส่องแสง และในคืนหนึ่งที่ส่องแสงเมามาย รวยก็อดใจไม่ไหว มีความสัมพันธ์กับส่องแสงในคืนนั้นเอง แต่ส่องแสงยังไม่ยอมหยุดแค่นั้น เขาตามไปหาหนึ่งที่เชียงใหม่ เมื่อได้เห็นสภาพของหนึ่ง ส่องแสงถึงกับรับไม่ได้ พูดตัดเยื่อใยกับหนึ่ง บอกว่าจะแต่งงานกับรวยให้เร็วที่สุด ปุ้มแอบสงสารหนึ่ง โดยที่ไม่รู้ว่า หนึ่งนั้นดีใจเป็นที่สุด พรรณีไม่อยากให้นวล ผู้เป็นแม่เสียใจ จึงบอกเลิกกับปุ๊ นวลเตรียมจัดงานแต่งงานให้พรรณีกับผู้ชายอื่น สุดท้ายพรรณีทำใจไม่ได้ จึงประกาศกลางตลาด ต่อหน้าแม่ และปุ๊ ว่าเธอมีความสัมพันธ์กับปุ๊แล้ว นวลจึงจำใจให้ปุ๊ พาผู้ใหญ่มาสู่ขอ สุทธิ์ กับทิพย์ ขนเงิน และทอง มาเป็นสินสอดทองหมั้นให้นวล กับพรรณี จนนวลตาโต ยินดีจะให้จัดงานแต่งงานเร็วที่สุด สร้างความดีใจให้กับพรรณีและปุ๊มาก
หนึ่งสวมบทบาทคนป่วยได้อย่างแนบเนียน เขามีความสุขมากที่มีปุ้มอยู่ใกล้ ๆ ได้รู้ว่าปุ้มนั้นรักเขาอย่างจริงใจ ถึงแม้จะไม่ได้พูดออกมา หนึ่งแกล้งเจ็บ แกล้งทำทีจะฆ่าตัวตาย แต่ปุ้มก็ยังไม่ยอมบอกรัก จนเขาเริ่มท้อใจ ส่วนส่องแสงก็เตรียมตัวแต่งงานอย่างใหญ่โต แต่แล้วรวยก็มาถูกจับข้อหาค้ายาเสพติดเสียก่อน ส่องแสงหมดหนทาง กลับไปหาหนึ่ง ไล่ให้ปุ้มไปจากชีวิตหนึ่ง แต่ปุ้มยืนยัน ว่ารักหนึ่ง และจะอยู่เคียงข้างหนึ่งตลอดไป หนึ่งได้ยินดีใจมาก บอกให้ส่องแสงกลับไปกรุงเทพฯเสีย เพราะอย่างไร เขาก็จะแต่งงานกับปุ้มคนเดียว ส่องแสงตัดพ้อหนึ่ง ต่อว่าหนึ่งกับปุ้มอย่างเสียหาย แล้วจากไปอย่างคนที่ไม่มีอะไรเหลือเลย
กนกพร บ่นคิดถึงแป้น เพราะช่วงที่แป้นมาสอนหนังสือแทนปุ้ม เธอเริ่มสนิทสนมกับแป้น และพูดถึงแป้น ว่ามีอะไรเหมือนประสาทพรหลายอย่าง ประสาทพรเองก็เริ่มคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ช่วงที่ได้อยู่กับแป้น และเริ่มรู้ใจตนเอง ว่าคนที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดมา แต่กลับมองข้ามไปก็คือแป้นนั่นเอง ประสาทพรเดินทางไปเยี่ยมหนึ่ง และได้รับคำยืนยัน ว่าหนึ่งรักปุ้ม ประสาทพร จึงพูดจาเตือนสติ ให้ปุ้ม ยอมรับความรักในหัวใจตนเอง ก่อนที่เสียทุกอย่างไป เหมือนที่เขาเพิ่งรู้หัวใจตนเอง ว่ารักและผูกพันกับแป้นมากมาย ประสาทพร ขอให้แป้นเป็นครูของกนกพร และเป็นคนพิเศษ ของเขาตลอดไป แป้นตอบรับอย่างมีความสุข
หนึ่งเปิดเผยความจริงเรื่องที่ตนเองไม่ได้ป่วยหนักอย่างที่เห็น ทั้งหน้าตายังหล่อเหลา ขายังเดินได้เหมือนเดิม ปุ้มโกรธจัดที่ถูกหลอก จะหนีกลับกรุงเทพฯ แต่หนึ่งตามไปได้ทัน คุกเข่า สารภาพรักกับปุ้ม และขอปุ้มแต่งงานในที่สุด ปุ้มยอมลดทิฐิ และยอมรักว่ารักหนึ่งเช่นกัน ยินดีจะแต่งงานกับหนึ่งด้วยความเต็มใจ ทั้งสองจึงได้ครองคู่กันในที่สุดติดตามชมละคร หนึ่งในทรวง ได้ทุกวัน เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3
บทประพันธ์โดย : บุษยมาศ
บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
กำกับการแสดงโดย : ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์
ผลิตโดย : บริษัท โนพลอบเล็ม จำกัด
ควบคุมการผลิตโดย : ธิติมา สังขพิทักษ์
รายชื่อนักแสดงนำในละคร หนึ่งในทรวง
จิรายุ ตั้งศรีสุข รับบท อนวัช พัชรพจนาถ (หนึ่ง)
อุรัสยา เสปอร์บันด์ รับบท หทัยรัตน์ ราชพิทักษ์ (ปุ้ม)
รณเดช วงศาโรจน์ รับบท ม.ร.ว.ประสาทพร จรูญลักษณ์
กันต์ดนย์ อะคาซาน รับบท สัทธา พรหมประเสริฐ (ปุ๊)
มิเชล เบอร์แมนน์ รับบท สุดา พรหมประเสิรฐ (แป้น)
โชติกา วงศ์วิลาศ รับบท ส่องแสง พิเศษกุล
บรมวุฒิ หิรัญยัษฐิติ รับบท รวย
คณิณ สแตนลีย์ รับบท พินิจ พนัสพงษ์
ภัทรากร ตั้งศุภกุล รับบท พรรณี พนัสพงษ์
เกรียงไกร อุณหะนันทน์ รับบท วิทย์ พัชรพจนา
ศุกล ศศิจุลกะ รับบท สุทธิ์ พรหมประเสริฐ
ก้ามปู ปัทมสูต รับบท ทิพย์ พรหมประเสริฐ
ดารัณ ฐิตะกวิน รับบท สีสุก พิเศษกุล
กัลยา เลิศเกษมทรัพย์ รับบท นวล พนัสพงษ์
ดารณีนุช ปสุตนาวิน รับบท นมพิมพ์
ด.ญ.ภิรัญชญา คเชนทร์นุกุล รับบท ม.ร.ว.กรกนก จรูญลักษณ์
มยุรี อิศรเสนา ณ อยุธยา รับบท แม่โอ
จิตรภาณุ กลมแก้ว รับบท หมอประสงค์
น้ำหนึ่ง สุทธิเดชานัย รับบท ชุลี
รัชนีบูล เพียรวิกรัยโสภณ รับบท ผ่องฉวี
ต๋อง ชวนชื่น รับบท บุญเติม
ข้อมูลจาก
หนึ่งในทรวง ละครช่อง 3
เรื่องย่อหนึ่งในทรวง
ข่าวกำหนดการเดินทางกลับมาจากประเทศฝรั่งเศส หลังจากเรียนจบปริญญาโทด้านการทูตของหนุ่มหล่อ รวย อนวัช พัชรพจนาถ หรือ หนึ่ง ลูกชายของนายวิทย์ พัชรพจนาถ อดีตนักการทูตชื่อดัง ทำให้สาว ๆ ลูกเศรษฐีทั่วฟ้าเมืองไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคุณนายสีสุกและลูกสาวคนเดียวที่ชื่อส่องแสง รวมทั้งบ้านเดือนประดับของนายสุทธิ์ และนางทิพย์ที่มีลูกชายร้อยโทสัทธาและลูกสาวสุดา ซึ่งเป็นเพื่อนและญาติสนิทของอนวัช ซึ่งมีความรักกันเหมือนพี่น้อง
แต่สำหรับ หทัยรัตน์ ราชพิทักษ์ หรือ ปุ้ม ลูกของนายทศน้องชายแท้ ๆ ของนางทิพย์ซึ่งพ่อแม่เสียชีวิตไปแล้ว โดยนายสุทธิ์และนางทิพย์รับอุปการะเอาไว้เสมอลูกสาวคนหนึ่ง กลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนสาว ๆ คนอื่น ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกหมั่นไส้ที่สาว ๆ ต่างคลั่งไคล้หนุ่มหล่อรวมผู้นี้ ทั้งยังเกลียดขี้หน้านายหนึ่งคนนี้ตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ เพราะเคยโดนนายหนึ่งล้อเลียนว่าเป็น ยายกระปุกตั้งฉ่าย หทัยรัตน์จึงตั้งแง่เกลียดนายหนึ่ง ทั้งที่ไม่ได้พบหน้านานกว่าสิบปี
หทัยรัตน์ เป็นสาวสวยอ่อนหวาน เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีคณะอักษรศาสตร์ โดยทำงานเป็นครูสอนหนังสือให้กับ ม.ร.ว. กรกนก จรูญลักษณ์ เด็กหญิงวัย 12 ขวบ ซึ่งพิการเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา อยู่กับพี่ชาย ม.ร.ว. ประสาทพร จรูญลักษณ์ และพี่เลี้ยง เพราะท่านพ่อหม่อมเจ้าประสานสุข แต่งงานใหม่ คุณชายกับคุณหญิงจึงย้ายออกจากวังมาอยู่ด้วยกันตามลำพัง ซึ่งคุณหญิงรักคุณครูของเธอมาก ถึงขนาดเชียร์ให้พี่ชายจีบเป็นพี่สะใภ้ ซึ่ง ม.ร.ว. ประสาทพรก็มีใจชอบหทัยรัตน์เช่นกัน
เมื่ออนวัชเดินทางกลับถึงเมืองไทยก็แวะเยี่ยมเยียนบ้านญาติ ๆ ทั้งบ้านคุณนายสีสุก บ้านเดือนประดับของสองพี่น้องสัทธา และสุดา รวมทั้งบ้านของ ม.ร.ว. ประสาทพร และม.ร.ว. กรกนก จรูญลักษณ์ แต่ก็คลาดกับหทัยรัตน์ ไม่ได้เจอหน้ากันสักครั้ง อนวัชเองแทบจะลืมชื่อหทัยรัตน์ไปแล้ว ทั้งที่เป็นคู่อริกันในตอนเด็ก เขาจำได้เพียงภาพเด็กหญิงตัวอ้วนกลม หน้าตาขี้เหร่ เถียงเก่ง ไม่เคยยอมใครได้เท่านั้น
อนวัชไปเยี่ยมเพื่อนเก่าชื่อพินิจ พนัสพงษ์ แต่ไม่พบเพราะพินิจไปพักฟื้นที่ไร่พนัสพงษ์ของพินัย ซึ่งเป็นพี่ชาย พบแต่คุณนายนวล แม่ของพินิจเล่าว่าพินิจป่วยเป็นวัณโรค และตรอมใจเรื่องคนรักชื่อ หทัยรัตน์ ราชพิทักษ์ ซึ่งทอดทิ้งไป ทำให้อนวัชมีอคติกับหทัยรัตน์ ส่วนคุณนายนวลเห็นว่าอนวัชหล่อ รวย ตระกูลดี ก็คิดจะจับคู่ให้ลูกสาว พรรณี ซึ่งเป็นอาจารย์สอนหนังสือ และเป็นเพื่อนกับหทัยรัตน์ โดยไม่รู้ว่าพรรณีกับร้อยโทสัทธาแอบชอบกันอยู่ และเมื่ออนวัชไปบ้านเดือนประดับอีกครั้ง ก็ได้พบหทัยรัตน์เข้าจนได้ แต่การพบกันครั้งแรกของทั้งสองเป็นไปอย่างปั้นปึ่ง เพราะหทัยรัตน์กำลังคุยกับเพื่อนสาวคนสนิทชื่อผ่องฉวี จึงไม่สนใจออกมาต้อนรับอนวัช ทำให้อนวัชหัวเสียกลับไป
ไม่กี่วันต่อมาอนวัชไปที่เดือนประดับอีก คราวนี้เขาได้พบทั้งสัทธาและสุดา รวมทั้งหทัยรัตน์สมใจ อนวัชรู้สึกโมโหที่หทัยรัตน์ทำท่าไม่ใส่ใจ ไม่ยินดียินร้ายกับการเจอหน้าเขา ทั้งยังตั้งท่ารังเกียจเสียอีกด้วย ซึ่งอนวัชถือว่าเป็นการดูถูกเขาอย่างยิ่ง เพราะหญิงสาวทุกคนที่เขาเจอเป็นต้องยอมรับเขาในทุก ๆ ด้าน ก็เลยหมายมั่นไว้ในใจว่าจะต้องได้เห็นดีกันแน่สำหรับสาวอวดดี จองหองและหยิ่งทรนงคนนี้
ข้างฝ่ายทหัยรัตน์ก็เช่นกัน ยิ่งเจอหน้านายหนึ่ง เธอก็ยิ่งเกลียดขี้หน้า เพราะเขาทั้งหยิ่ง อวดดี พูดจากวนโทโส และถือว่าตัวเองหล่อ รวย สาว ๆ ทุกคนต้องยอมสยบ แต่สำหรับหทัยรัตน์ ราชพิทักษ์ นอกจากจะไม่รักแล้ว ยังเกลียดนายหนึ่งยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ทำเอาทั้งสัทธาและสุดา ส่ายหน้า รู้ว่าทั้งคู่ต่างเป็น ขมิ้น กับ ปูน ที่ไม่มีวันจะเข้ากันได้ แต่อย่างไรก็ตามสองพี่น้องก็ยังคิดหาหนทางให้อนวัชและหทัยรัตน์ โอนอ่อนเข้าหากัน และเป็นเพื่อนกันให้ได้ อนวัชและหทัยรัตน์ มีโอกาสเจอกันโดยบังเอิญอีกหลายครั้งทั้งที่บ้านคุณชายประสาทพร และตามงานสังคมต่าง ๆ แต่ทั้งคู่ก็ทำท่าปั้นปึ่งใส่กัน พูดจากระทบกระเทียบกัน ทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน และแทบจะไม่อยากได้ยินชื่อกันและกัน เรียกว่าต่างคนต่างเกลียดกันโดยไม่มีเหตุผล
สัทธาและสุดาคิดจะจัดงานวันเกิดให้นายสิทธิ์ที่บ้านเดือนประดับ โดยจัดเป็นงานใหญ่เชิญญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมงานมากกว่าทุกปี สองพี่น้องก็เลยคิดแผนการจะให้อนวัชและหทัยรัตน์คืนดีกัน โดยปิดไว้เป็นความลับ แต่ได้จองคิวอนวัชไว้ล่วงหน้า ซึ่งอนวัชก็รับปากว่าจะมางานวันเกิด แต่อาจจะมาค่ำหน่อย เพราะมีธุระต้องไปรับเพื่อนสาวชื่อ วิยะดา กลับจากฝรั่งเศส ทำเอาสัทธาเริ่มสงสัยว่าวิยะดาเป็นแฟนสาวของอนวัชหรือเปล่า แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมบอกอะไร ปล่อยให้เพื่อนเข้าใจเองเอง
ข่าวกำหนดการเดินทางกลับมาจากประเทศฝรั่งเศส หลังจากเรียนจบปริญญาโทด้านการทูตของหนุ่มหล่อ รวย อนวัช พัชรพจนาถ หรือ หนึ่ง ลูกชายของนายวิทย์ พัชรพจนาถ อดีตนักการทูตชื่อดัง ทำให้สาว ๆ ลูกเศรษฐีทั่วฟ้าเมืองไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคุณนายสีสุกและลูกสาวคนเดียวที่ชื่อส่องแสง รวมทั้งบ้านเดือนประดับของนายสุทธิ์ และนางทิพย์ที่มีลูกชายร้อยโทสัทธาและลูกสาวสุดา ซึ่งเป็นเพื่อนและญาติสนิทของอนวัช ซึ่งมีความรักกันเหมือนพี่น้อง
แต่สำหรับ หทัยรัตน์ ราชพิทักษ์ หรือ ปุ้ม ลูกของนายทศน้องชายแท้ ๆ ของนางทิพย์ซึ่งพ่อแม่เสียชีวิตไปแล้ว โดยนายสุทธิ์และนางทิพย์รับอุปการะเอาไว้เสมอลูกสาวคนหนึ่ง กลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนสาว ๆ คนอื่น ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกหมั่นไส้ที่สาว ๆ ต่างคลั่งไคล้หนุ่มหล่อรวมผู้นี้ ทั้งยังเกลียดขี้หน้านายหนึ่งคนนี้ตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ เพราะเคยโดนนายหนึ่งล้อเลียนว่าเป็น ยายกระปุกตั้งฉ่าย หทัยรัตน์จึงตั้งแง่เกลียดนายหนึ่ง ทั้งที่ไม่ได้พบหน้านานกว่าสิบปี
หทัยรัตน์ เป็นสาวสวยอ่อนหวาน เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีคณะอักษรศาสตร์ โดยทำงานเป็นครูสอนหนังสือให้กับ ม.ร.ว. กรกนก จรูญลักษณ์ เด็กหญิงวัย 12 ขวบ ซึ่งพิการเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา อยู่กับพี่ชาย ม.ร.ว. ประสาทพร จรูญลักษณ์ และพี่เลี้ยง เพราะท่านพ่อหม่อมเจ้าประสานสุข แต่งงานใหม่ คุณชายกับคุณหญิงจึงย้ายออกจากวังมาอยู่ด้วยกันตามลำพัง ซึ่งคุณหญิงรักคุณครูของเธอมาก ถึงขนาดเชียร์ให้พี่ชายจีบเป็นพี่สะใภ้ ซึ่ง ม.ร.ว. ประสาทพรก็มีใจชอบหทัยรัตน์เช่นกัน
เมื่ออนวัชเดินทางกลับถึงเมืองไทยก็แวะเยี่ยมเยียนบ้านญาติ ๆ ทั้งบ้านคุณนายสีสุก บ้านเดือนประดับของสองพี่น้องสัทธา และสุดา รวมทั้งบ้านของ ม.ร.ว. ประสาทพร และม.ร.ว. กรกนก จรูญลักษณ์ แต่ก็คลาดกับหทัยรัตน์ ไม่ได้เจอหน้ากันสักครั้ง อนวัชเองแทบจะลืมชื่อหทัยรัตน์ไปแล้ว ทั้งที่เป็นคู่อริกันในตอนเด็ก เขาจำได้เพียงภาพเด็กหญิงตัวอ้วนกลม หน้าตาขี้เหร่ เถียงเก่ง ไม่เคยยอมใครได้เท่านั้น
อนวัชไปเยี่ยมเพื่อนเก่าชื่อพินิจ พนัสพงษ์ แต่ไม่พบเพราะพินิจไปพักฟื้นที่ไร่พนัสพงษ์ของพินัย ซึ่งเป็นพี่ชาย พบแต่คุณนายนวล แม่ของพินิจเล่าว่าพินิจป่วยเป็นวัณโรค และตรอมใจเรื่องคนรักชื่อ หทัยรัตน์ ราชพิทักษ์ ซึ่งทอดทิ้งไป ทำให้อนวัชมีอคติกับหทัยรัตน์ ส่วนคุณนายนวลเห็นว่าอนวัชหล่อ รวย ตระกูลดี ก็คิดจะจับคู่ให้ลูกสาว พรรณี ซึ่งเป็นอาจารย์สอนหนังสือ และเป็นเพื่อนกับหทัยรัตน์ โดยไม่รู้ว่าพรรณีกับร้อยโทสัทธาแอบชอบกันอยู่ และเมื่ออนวัชไปบ้านเดือนประดับอีกครั้ง ก็ได้พบหทัยรัตน์เข้าจนได้ แต่การพบกันครั้งแรกของทั้งสองเป็นไปอย่างปั้นปึ่ง เพราะหทัยรัตน์กำลังคุยกับเพื่อนสาวคนสนิทชื่อผ่องฉวี จึงไม่สนใจออกมาต้อนรับอนวัช ทำให้อนวัชหัวเสียกลับไป
ไม่กี่วันต่อมาอนวัชไปที่เดือนประดับอีก คราวนี้เขาได้พบทั้งสัทธาและสุดา รวมทั้งหทัยรัตน์สมใจ อนวัชรู้สึกโมโหที่หทัยรัตน์ทำท่าไม่ใส่ใจ ไม่ยินดียินร้ายกับการเจอหน้าเขา ทั้งยังตั้งท่ารังเกียจเสียอีกด้วย ซึ่งอนวัชถือว่าเป็นการดูถูกเขาอย่างยิ่ง เพราะหญิงสาวทุกคนที่เขาเจอเป็นต้องยอมรับเขาในทุก ๆ ด้าน ก็เลยหมายมั่นไว้ในใจว่าจะต้องได้เห็นดีกันแน่สำหรับสาวอวดดี จองหองและหยิ่งทรนงคนนี้
ข้างฝ่ายทหัยรัตน์ก็เช่นกัน ยิ่งเจอหน้านายหนึ่ง เธอก็ยิ่งเกลียดขี้หน้า เพราะเขาทั้งหยิ่ง อวดดี พูดจากวนโทโส และถือว่าตัวเองหล่อ รวย สาว ๆ ทุกคนต้องยอมสยบ แต่สำหรับหทัยรัตน์ ราชพิทักษ์ นอกจากจะไม่รักแล้ว ยังเกลียดนายหนึ่งยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ทำเอาทั้งสัทธาและสุดา ส่ายหน้า รู้ว่าทั้งคู่ต่างเป็น ขมิ้น กับ ปูน ที่ไม่มีวันจะเข้ากันได้ แต่อย่างไรก็ตามสองพี่น้องก็ยังคิดหาหนทางให้อนวัชและหทัยรัตน์ โอนอ่อนเข้าหากัน และเป็นเพื่อนกันให้ได้ อนวัชและหทัยรัตน์ มีโอกาสเจอกันโดยบังเอิญอีกหลายครั้งทั้งที่บ้านคุณชายประสาทพร และตามงานสังคมต่าง ๆ แต่ทั้งคู่ก็ทำท่าปั้นปึ่งใส่กัน พูดจากระทบกระเทียบกัน ทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน และแทบจะไม่อยากได้ยินชื่อกันและกัน เรียกว่าต่างคนต่างเกลียดกันโดยไม่มีเหตุผล
สัทธาและสุดาคิดจะจัดงานวันเกิดให้นายสิทธิ์ที่บ้านเดือนประดับ โดยจัดเป็นงานใหญ่เชิญญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมงานมากกว่าทุกปี สองพี่น้องก็เลยคิดแผนการจะให้อนวัชและหทัยรัตน์คืนดีกัน โดยปิดไว้เป็นความลับ แต่ได้จองคิวอนวัชไว้ล่วงหน้า ซึ่งอนวัชก็รับปากว่าจะมางานวันเกิด แต่อาจจะมาค่ำหน่อย เพราะมีธุระต้องไปรับเพื่อนสาวชื่อ วิยะดา กลับจากฝรั่งเศส ทำเอาสัทธาเริ่มสงสัยว่าวิยะดาเป็นแฟนสาวของอนวัชหรือเปล่า แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมบอกอะไร ปล่อยให้เพื่อนเข้าใจเองเอง
คุณชายประสาทพรมีโครงการจะไปศึกษาดูงานต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 2 ปีเต็ม จึงจำเป็นต้องส่งคุณหญิงกรกนกกลับไปอยู่วังกับท่านพ่อ แต่คุณหญิงกลัวหม่อมราศรี ซึ่งเป็นแม่เลี้ยง จึงขอร้องให้หทัยรัตน์ไปพูดกับคุณชาย ขออยู่กับแม่โอ ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงที่บ้านตามลำพัง สุดท้ายด้วยความเป็นห่วงน้องสาวคุณชายประสาทพร จึงตัดสินใจไปพูดกับนายวิทย์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง และอนวัช ขอให้คุณหญิงกรกนกไปอาศัยอยู่ที่บ้านเป็นการชั่วคราว ซึ่งทั้งนายวิทย์และอนวัชก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ทำให้คุณชายประสาทพรรู้สึกสบายใจขึ้น ในที่สุดงานวันเกิดของนายสุทธิ์ก็มาถึง คุณนายสีสุกและส่องแสงก็มาด้วย พอมาถึงก็ต้องผิดหวังเพราะไม่พบหน้าอนวัช แต่เมื่องานเต้นรำเริ่มขึ้นอนวัชก็มาได้ทันเวลาพอดี ส่องแสงถือโอกาสเต้นรำกับอนวัชแทบทุกเพลง โดยไม่ยอมให้สาวใดเข้าใกล้ ข้างฝ่ายหทัยรัตน์ก็มีหนุ่ม ๆ มาขอเต้นรำไม่ซ้ำหน้าเหมือนกัน ต่างคนต่างเฝ้ามองกันและกัน
สัทธาประกาศให้ทุกคนในงานรู้ว่างานในวันนี้นอกจากจะเป็นงานวันเกิด ยังต้องการให้ครึกครื้นด้วยการจัดให้มีการเลือก ควีน และ คิง ของงาน คือหนุ่มหล่อยและสาวสวยที่สุดของงาน โดยให้ทุกคนที่มาในงานเป็นผู้ลงคะแนนกันเอง และในที่สุดผลก็ออกมาตามความคาดหมายของสัทธาและสุดาสองพี่น้องนั่นคือ หทัยรัตน์ ได้ตำแหน่งควีน ส่วนอนวัชได้ตำแหน่งคิงอย่างไร้คู่แข่ง ทั้งคู่ขึ้นไปรับรางวัลจากนายสิทธิ์และถ่ายรูปคู่กัน พร้อมกันนั้นทั้งคู่ยังต้องเป็นผู้เปิดฟลอเต้นรำด้วยกันอีกครั้ง ทำเอาอนวัชและหทัยรัตน์โมโหจนพูดไม่ออกเพราะรู้ว่าเป็นแผนการของสองพี่น้อง คืนนั้นอนวัชและหทัยรัตน์ เต้นรำด้วยกันอย่างฝืนใจสุด ๆ ต่างคนต่างพูดจาเอาชนะกันและกัน และสุดท้ายก็จบลงด้วยความปั้นปึ่งใส่กันเหมือนเดิม ทำเอาสองพี่น้องสัทธาและสุดาผิดหวังไปตาม ๆ กัน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเปิดของขวัญที่ได้รับจากนายสุทธิ์ก็เกิดสลับกับของอนวัชอีก เพราะหทัยรัตน์เปิดกล่องมาเป็นแหนบสำหรับเสียบเนคไททองคำ ทำเป็นรูปคทาสวยงาม ซึ่งจริง ๆ แล้วของผู้หญิงต้องเป็นเข็มกลัดเพชรรูปมงกุฏ แต่ด้วยทิฐิของทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างก็ไม่ยอมเปลี่ยนกัน
คุณชายประสาทพรมาบอกหทัยรัตน์เรื่องที่คุณหญิงกรกนกและพี่เลี้ยงจะย้ายไปอยู่บ้านของนายวิทย์ ซึ่งจำเป็นจะต้องให้คุณครูตามไปสอนหนังสือที่บ้านนายวิทย์ด้วย ทำให้หทัยรัตน์รู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่ง เพราะเกรงว่าจะต้องเจอหน้ากับนายหนึ่งที่ตัวเองแสนจะเกลียด แต่เมื่อเป็นหน้าที่ก็จำใจต้องรับปากไป ก่อนจะไประบายความอึดอัดใจให้สองพี่น้องสัทธาและสุดาฟัง ซึ่งก็ทำให้สองพี่น้องหัวเราะถูกใจที่ทั้งอนวัชและหทัยรัตน์ยิ่งเกลียดกันมากก็ยิ่งได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่านั้น ในที่สุด ม.ร.ว. ประสาทพร ก็เดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งการจากไปครั้งนี้เต็มไปด้วยความห่วงใย เพราะนอกจากจะห่วงน้องสาวผู้พิการแล้ว ก็ยังห่วงว่าหทัยรัตน์ที่ตัวเองหลงรักนั้น จะมีชายอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวภายในเวลาสองปีที่เขาจากไปหรือเปล่า แต่เขาก็ตั้งใจว่าจะติดต่อกับเธออย่างสม่ำเสมอ โดยไม่รู้ว่าหัวใจของหญิงสาวไม่ได้มีใจคิดกับเขาเป็นอื่นนอกจากนายจ้างกับลูกจ้างเท่านั้น แม้ปากจะบอกว่าไม่รัก แถมเกลียดด้วยซ้ำ แต่อนวัชก็ยังตามตอแยกวนโมโห เฝ้าต่อล้อต่อเถียงยุ่งเกี่ยวกับหทัยรัตน์ระหว่างที่มาสอนหนังสือคุณหญิงที่บ้านแทบทุกวัน ซึ่งต่างคนต่างยังถือทิฐิใส่กัน พินิจมาหาอนวัชที่บ้าน ได้พบกันหทัยรัตน์ รู้สึกดีใจมาก พยายามจะสานสัมพันธ์เดิม แต่หทัยรัตน์ให้ได้เพียงความเป็นเพื่อนเท่านั้น ทำให้พินิจน้อยใจและเสียใจกลับไป
คุณหญิงกรกนกป่วยกระทันหัน มีไข้นอนซม หทัยรัตน์จึงไปเยี่ยมเยียนทุกวันจนคุณหญิงอาการดีขึ้น แต่คุณหมอประสงค์ที่รักษาแนะนำให้พาคุณหญิงไปพักผ่อนต่างจังหวัด เพื่อให้สุขภาพกายและใจดียิ่งขึ้น นายวิทย์จึงเอ่ยปากชวนหทัยรัตน์ให้ไปเป็นเพื่อนคุณหญิงพักผ่อนที่บ้านพักที่หัวหินเป็นเวลาสองสัปดาห์ ซึ่งการไปพักผ่อนครั้งนี้นอกจากนายวิทย์ นายอนวัช คุณหญิงกับพี่เลี้ยง และคุณครูแล้ว ยังมีคุณหมอประสงค์ คุณนายสีสุกกับลูก รวมทั้งสัทธาและสุดา สองศรีพี่น้อง ไปกันเป็นขบวนใหญ่ คุณหมอประสงค์พูดคุยสนิทสนมกับหทัยรัตน์ ทำให้อนวัชหงุดหงิดใจอย่างยิ่ง อีกทั้งเมื่อเห็นจดหมายของคุณชายประสาทพรที่ส่งมาถึงหทัยรัตน์ ก็ยิ่งไม่พอใจยิ่งขึ้น โดยไม่รู้สาเหตุ ประกอบกับพินิจก็ตามมาหาหทัยรัตน์ด้วยความรัก ทำให้อนวัชหมั่นไส้ยิ่งนัก ทั้งอนวัชและหทัยรัตน์ยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตตลอดเวลาที่อยู่หัวหิน
แล้วเย็นวันหนึ่งขณะที่ทุกคนเล่นน้ำทะเล มีการว่ายน้ำแข่งกัน และด้วยความอยากเอาชนะกันและกันของหทัยรัตน์และอนวัช เป็นเหตุให้หทัยรัตน์เกือบจะจมน้ำ ดีที่อนวัชว่ายน้ำไปช่วยไว้ได้ทัน หทัยรัตน์ฟื้นขึ้นมารู้ว่าใครช่วยชีวิต ก็ยังวางฟอร์ม แต่เมื่อมีโอกาสเธอได้ขอบคุณเขา แต่เขาก็ยังวางฟอร์มเหมือนกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น ยิ่งเมื่อแม่ลูกสีสุกกับส่องแสงเดินทางมาถึง ความวุ่นวายก็มีอยู่ตลอดจนหลายคนหงุดหงิดไปตาม ๆ กัน ต่างคนต่างเร่งให้ถึงกำหนดกลับเร็วยิ่งขึ้น
กลับถึงกรุงเทพฯ ได้ไม่นานหมอประสงค์ก็บอกข่าวแต่งงานกับเจ้าสาวชื่ออุรา อนวัชคิดว่าหทัยรัตน์จะผิดหวังเมื่อรู้ข่าว แล้วก็ต้องแปลกใจที่เธอไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับหมอประสงค์เลย แล้วในงานแต่งอนวัชก็รู้ว่าหทัยรัตน์เป็นเพื่อนสนิทกับอุราเจ้าสาว จึงรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นอย่างดี อนวัชโมโหที่ปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปฝ่ายเดียว ก็เลยปล้ำจูบหทัยรัตน์เมื่อไปส่งที่บ้าน หทัยรัตน์โกรธมากได้ตบหน้าเขากลับ แล้วพูดจาด่าว่าด้วยความโกรธจัด แต่อนวัชกลับสะใจที่ครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายชนะหญิงสาว อนวัชยังตามตอแยหญิงสาวด้วยการยื่นข้อเสนอขอแต่งงานด้วย แต่หทัยรัตน์ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ยืนยันว่าไม่เคยคิดจะรักเขา มีแต่ความเกลียดชังที่มอบให้ ทำให้อนวัชยิ่งโมโห หมายมั่นว่าจะต้องเอาชนะหญิงสาวและขอแต่งงานกับเธอให้ได้
พินิจยังไม่เลิกรักหทัยรัตน์ มาที่บ้านและสารภาพรักพร้อมขอแต่งงานกับหทัยรัตน์ หทัยรัตน์ไม่อยากให้เขามีความหวังอีก จึงพูดตัดบทว่ามีคนรักอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้เขาอยู่ไกลบ้าน ทำให้พินิจเข้าใจว่าคนรักของเธอคือคุณชายประสาทพร ดังนั้นเมื่อกลับถึงบ้านพินิจเอาแต่เศร้าซึม กินไม่ได้นอนไม่หลับ เมื่ออนวัชไปเยี่ยมพินิจก็บอกให้รู้ว่าหทัยรัตน์รักกับคุณชาย ทำเอาอนวัชหงุดหงิดใจยิ่งนัก แต่ก็ยังปากแข็ง คุณนายนวลบังคับให้พินิจหมั้งกับจำปีลูกสาวคุณนายลำเจียกเศรษฐีนีเพื่อนของเธอ แต่พินิจยังบ่ายเบี่ยงเธอก็เลยไปหาหทัยรัตน์ พูดจาดูถูกดูแคลนไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับลูกชาย หทัยรัตน์โมโหจึงพูดจาตอกกลับจนคุณนายนวลหน้าหงาย
ทางด้านพินิจยอมเป็นหุ่นเชิดของแม่เพราะรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งที่ปอด จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ก็เลยยอมตามใจแม่หมั้นกับจำปี พร้อมกำหนดวันแต่งงานอย่างเร่งด่วน แต่ยังไม่ถึงวันแต่งพินิจก็ป่วยหนัก พร่ำเพ้ออยากเจอหน้าหทัยรัตน์เป็นครั้งสุดท้าย พินัยจึงไปขอร้องให้อนวัชพาหทัยรัตน์มาเยี่ยม อนวัชชวนหทัยรัตน์ไปเยี่ยมพินิจที่ไร่พนัสพงษ์ แต่หทัยรัตน์เห็นว่าเย็นมากแล้วจึงไม่ยอมไป อนวัชจึงบังคับพาตัวไป แต่พอไปถึงไร่ก็สวนทางกับพินิจ ซึ่งป่วยหนักถูกนำส่งโรงพยาบาลในกรุงเพทฯ อย่างกระทันหัน อนวัชจะขับรถกลับกรุงเทพฯ ทันที แต่รถเสียกลางทางจึงต้องอยู่ค้างคืนที่ไร่ และทราบข่าวว่าพินิจเสียชีวิตในคืนนั้นเอง
เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ จึงโดนทั้งพ่อและคุณสุทธิ์ คุณทิพย์รุมตำหนิที่พาหลานสาวไปค้างอ้างแรมกันสองต่อสอง อนวัชยอมรับผิดทุกอย่าง นายวิทย์จึงปรึกษากับครอบครัวเดือนประดับ ตัดสินใจให้อนวัชหมั้นกับหทัยรัตน์ ตอนแรกหทัยรัตน์ยืนยันปฏิเสธเสียงแข็งแต่สุดท้าย เห็นแก่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย จะต้องผิดใจกันเพราะเธอ ปุ้มจึงยอมรับหมั้น อีกทั้ง ต้องการเอาชนะสองแม่ลูกคือคุณนายสีสุกและส่องแสงที่พูดจาดูถูก เธอจึงตัดสินใจรับหมั้นอนวัช แต่ก็หวังว่าจะสามารถถอนหมั้นได้เมื่อข่าวต่าง ๆ จางหายไป คุณชายประสาทพรกลับกรุงเทพฯ พร้อมทราบข่าวการหมั้นของทั้งคู่ รู้สึกผิดหวังมาก แต่หทัยรัตน์ได้ขี้แจงให้ทราบถึงความจำเป็นที่ต้องหมั้น ทำให้คุณชายรู้สึกดีขึ้น และตั้งใจว่าจะเอาชนะใจของเธอให้ได้ แป้นดีใจมากที่ได้เจอคุณชายประสาทพร ความรัก ความผูกพันเกิดขึ้นในใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ ปุ๊พบจดหมายที่แป้นเขียนติดต่อกับคุณชายประสาทพร เริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ส่องแสงยังคงเฝ้าวนเวียนอยู่ใกล้ตัวหนึ่งไม่ห่าง ซ้ำยังยุให้ประสาทพร ขอปุ้มแต่งงานอีกด้วย ทำให้ทั้งปุ้มและหนึ่ง ต่างหึงหวงกันอย่างไม่รู้ตัว นวลรู้ในที่สุดว่าหนึ่งหมั้นแล้ว ดุด่าพรรณีเป็นการใหญ่เรื่องที่แอบอ้างเอาตัวหนึ่งมาเป็นเกราะกำบัง ที่แท้ ไปควงอยู่กับปุ๊ พรรณีรู้สึกผิดต่อแม่มาก
วิทย์อยากให้หนึ่ง แต่งงานกับปุ้ม หนึ่งแอบดีใจ แต่ก็ลำบากใจเพราะรู้ว่า ยังไม่สามารถทำให้ปุ้มรับรักเขาได้ ยิ่งเมื่อเขาเห็นประสาทพร เขียนจดหมายขอแต่งงานกับปุ้มด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หนึ่งหมดหวัง ถึงแม้ปุ้มจะยังไม่ได้ตอบรับ แต่ในจดหมายก็บอกชัดเจน ว่าปุ้มจะไม่ยอมแต่งงานกับเขาแน่นอน หนึ่งเสียใจ และทำใจไม่ได้ เขาลางานไม่มีกำหนด ขึ้นไปอยู่บ้านพักที่เชียงใหม่ พร้อมทั้งฝากจดหมายประสาทพรไปให้ปุ้ม เขียนบอกถึงการให้อิสรภาพกับปุ้ม หากปุ้มต้องการแต่งงานกับประสาทพร แต่หนึ่งยืนยันในท้ายจดหมายหนักแน่น ว่ารักปุ้มเพียงคนเดียวเท่านั้น ปุ้มได้อ่านจดหมายก็นึกหวั่นไหว แต่เธอก็ไม่สามารถพบหน้ากับหนึ่งได้อีก หนึ่งกินเหล้าเมามายทุกวัน จนปุ๊เป็นห่วง ตามไปดูที่เชียงใหม่ แล้วหนึ่ง ก็ขับรถประสบอุบัติเหตุในคืนหนึ่ง ปุ๊ โทรมาบอกแป้น วิทย์สุทธิ์ ทิพย์ รวมทั้งแป้น กับปุ้ม ว่าหนึ่งอาการสาหัสมาก รุ่งขึ้น ทุกคนจึงรีบตามไปเยี่ยมหนึ่งที่เชียงมใหม่ ยกเว้นแป้น ที่ต้องเคลียร์งานทางกรุงเทพฯก่อน
ประสาทพรสงสัยในความสัมพันธ์ ของหนึ่งกับปุ้ม จึงไปถามแป้น แป้นจึงตอบไปตามตรงว่า ปุ้มกับหนึ่งน่าจะรักกัน แต่ต่างไม่ยอมรับในหัวใจตนเอง ประสาทพร โกรธที่แป้นไม่เคยบอกตน ทำให้ประสาทพรโกรธแป้น แป้นเสียใจมาก เพราะเธอเองก็ไม่อาจบอกประสาทพรได้เช่นกัน ว่า แอบชอบเขาอยู่ หนึ่งอาการไม่สาหัส เท่าที่ปุ๊ บอกกับทุกคน แต่ปุ๊ กับหมอประสงค์ รวมถึงหนึ่ง วางแผน จะให้ปุ้ม สารภาพรักกับหนึ่ง และยอมแต่งงานกับหนึ่งให้ได้ในที่สุด หนึ่งทำทีว่าเจ็บปางตาย ทั้งเดินไม่ได้ ทั้งหน้าเสียโฉม จนปุ้มอดเป็นห่วงไม่ได้ ส่วนปุ๊ ก็สารภาพความจริงกับวิทย์ ทิพย์ สุทธิ์ จนทุกคนหมดห่วง และกลับไปกรุงเทพฯในวันรุ่งขึ้น
ส่องแสงใช้เวลาช่วงที่หนึ่งไม่อยู่ ออกเที่ยวเตร่กับรวยแทบทุกคืน รวยทุ่มเททั้งเงินทอง ความสุขสบายให้กับส่องแสง และในคืนหนึ่งที่ส่องแสงเมามาย รวยก็อดใจไม่ไหว มีความสัมพันธ์กับส่องแสงในคืนนั้นเอง แต่ส่องแสงยังไม่ยอมหยุดแค่นั้น เขาตามไปหาหนึ่งที่เชียงใหม่ เมื่อได้เห็นสภาพของหนึ่ง ส่องแสงถึงกับรับไม่ได้ พูดตัดเยื่อใยกับหนึ่ง บอกว่าจะแต่งงานกับรวยให้เร็วที่สุด ปุ้มแอบสงสารหนึ่ง โดยที่ไม่รู้ว่า หนึ่งนั้นดีใจเป็นที่สุด พรรณีไม่อยากให้นวล ผู้เป็นแม่เสียใจ จึงบอกเลิกกับปุ๊ นวลเตรียมจัดงานแต่งงานให้พรรณีกับผู้ชายอื่น สุดท้ายพรรณีทำใจไม่ได้ จึงประกาศกลางตลาด ต่อหน้าแม่ และปุ๊ ว่าเธอมีความสัมพันธ์กับปุ๊แล้ว นวลจึงจำใจให้ปุ๊ พาผู้ใหญ่มาสู่ขอ สุทธิ์ กับทิพย์ ขนเงิน และทอง มาเป็นสินสอดทองหมั้นให้นวล กับพรรณี จนนวลตาโต ยินดีจะให้จัดงานแต่งงานเร็วที่สุด สร้างความดีใจให้กับพรรณีและปุ๊มาก
หนึ่งสวมบทบาทคนป่วยได้อย่างแนบเนียน เขามีความสุขมากที่มีปุ้มอยู่ใกล้ ๆ ได้รู้ว่าปุ้มนั้นรักเขาอย่างจริงใจ ถึงแม้จะไม่ได้พูดออกมา หนึ่งแกล้งเจ็บ แกล้งทำทีจะฆ่าตัวตาย แต่ปุ้มก็ยังไม่ยอมบอกรัก จนเขาเริ่มท้อใจ ส่วนส่องแสงก็เตรียมตัวแต่งงานอย่างใหญ่โต แต่แล้วรวยก็มาถูกจับข้อหาค้ายาเสพติดเสียก่อน ส่องแสงหมดหนทาง กลับไปหาหนึ่ง ไล่ให้ปุ้มไปจากชีวิตหนึ่ง แต่ปุ้มยืนยัน ว่ารักหนึ่ง และจะอยู่เคียงข้างหนึ่งตลอดไป หนึ่งได้ยินดีใจมาก บอกให้ส่องแสงกลับไปกรุงเทพฯเสีย เพราะอย่างไร เขาก็จะแต่งงานกับปุ้มคนเดียว ส่องแสงตัดพ้อหนึ่ง ต่อว่าหนึ่งกับปุ้มอย่างเสียหาย แล้วจากไปอย่างคนที่ไม่มีอะไรเหลือเลย
กนกพร บ่นคิดถึงแป้น เพราะช่วงที่แป้นมาสอนหนังสือแทนปุ้ม เธอเริ่มสนิทสนมกับแป้น และพูดถึงแป้น ว่ามีอะไรเหมือนประสาทพรหลายอย่าง ประสาทพรเองก็เริ่มคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ช่วงที่ได้อยู่กับแป้น และเริ่มรู้ใจตนเอง ว่าคนที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดมา แต่กลับมองข้ามไปก็คือแป้นนั่นเอง ประสาทพรเดินทางไปเยี่ยมหนึ่ง และได้รับคำยืนยัน ว่าหนึ่งรักปุ้ม ประสาทพร จึงพูดจาเตือนสติ ให้ปุ้ม ยอมรับความรักในหัวใจตนเอง ก่อนที่เสียทุกอย่างไป เหมือนที่เขาเพิ่งรู้หัวใจตนเอง ว่ารักและผูกพันกับแป้นมากมาย ประสาทพร ขอให้แป้นเป็นครูของกนกพร และเป็นคนพิเศษ ของเขาตลอดไป แป้นตอบรับอย่างมีความสุข
หนึ่งเปิดเผยความจริงเรื่องที่ตนเองไม่ได้ป่วยหนักอย่างที่เห็น ทั้งหน้าตายังหล่อเหลา ขายังเดินได้เหมือนเดิม ปุ้มโกรธจัดที่ถูกหลอก จะหนีกลับกรุงเทพฯ แต่หนึ่งตามไปได้ทัน คุกเข่า สารภาพรักกับปุ้ม และขอปุ้มแต่งงานในที่สุด ปุ้มยอมลดทิฐิ และยอมรักว่ารักหนึ่งเช่นกัน ยินดีจะแต่งงานกับหนึ่งด้วยความเต็มใจ ทั้งสองจึงได้ครองคู่กันในที่สุดติดตามชมละคร หนึ่งในทรวง ได้ทุกวัน เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3
บทประพันธ์โดย : บุษยมาศ
บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
กำกับการแสดงโดย : ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์
ผลิตโดย : บริษัท โนพลอบเล็ม จำกัด
ควบคุมการผลิตโดย : ธิติมา สังขพิทักษ์
รายชื่อนักแสดงนำในละคร หนึ่งในทรวง
จิรายุ ตั้งศรีสุข รับบท อนวัช พัชรพจนาถ (หนึ่ง)
อุรัสยา เสปอร์บันด์ รับบท หทัยรัตน์ ราชพิทักษ์ (ปุ้ม)
รณเดช วงศาโรจน์ รับบท ม.ร.ว.ประสาทพร จรูญลักษณ์
กันต์ดนย์ อะคาซาน รับบท สัทธา พรหมประเสริฐ (ปุ๊)
มิเชล เบอร์แมนน์ รับบท สุดา พรหมประเสิรฐ (แป้น)
โชติกา วงศ์วิลาศ รับบท ส่องแสง พิเศษกุล
บรมวุฒิ หิรัญยัษฐิติ รับบท รวย
คณิณ สแตนลีย์ รับบท พินิจ พนัสพงษ์
ภัทรากร ตั้งศุภกุล รับบท พรรณี พนัสพงษ์
เกรียงไกร อุณหะนันทน์ รับบท วิทย์ พัชรพจนา
ศุกล ศศิจุลกะ รับบท สุทธิ์ พรหมประเสริฐ
ก้ามปู ปัทมสูต รับบท ทิพย์ พรหมประเสริฐ
ดารัณ ฐิตะกวิน รับบท สีสุก พิเศษกุล
กัลยา เลิศเกษมทรัพย์ รับบท นวล พนัสพงษ์
ดารณีนุช ปสุตนาวิน รับบท นมพิมพ์
ด.ญ.ภิรัญชญา คเชนทร์นุกุล รับบท ม.ร.ว.กรกนก จรูญลักษณ์
มยุรี อิศรเสนา ณ อยุธยา รับบท แม่โอ
จิตรภาณุ กลมแก้ว รับบท หมอประสงค์
น้ำหนึ่ง สุทธิเดชานัย รับบท ชุลี
รัชนีบูล เพียรวิกรัยโสภณ รับบท ผ่องฉวี
ต๋อง ชวนชื่น รับบท บุญเติม
ข้อมูลจาก