x close

เปิดข้อมูล ลำดับเมีย จากละคร พรหมลิขิต ถ้าแม่กลิ่นยอมหมู่สง จะเป็นเมียอะไร ?

             ทำความรู้จัก ลำดับเมีย จากละคร พรหมลิขิต หาก แม่กลิ่น ยอมเป็นเมีย หมู่สง จะกลายเป็น เมียกลางนอก ต่างกับ เมียกลางเมือง อย่างไร แล้วมีเมียอะไรอีก ต้องตามไปดู
ละคร พรหมลิขิต

ภาพจาก Instagram p_namtarn

             เป็นข้อมูลที่ถูกพูดถึงไม่น้อยในละคร พรหมลิขิต เกี่ยวกับคำเรียกของ “เมีย” ในยุคนั้น ทั้งเมียพระราชทาน เมียกลางเมือง ซึ่งก็มีแฟน ๆ ที่สงสัยว่าแต่ละเมียนั้นมีความหมายอย่างไร ต่างกันอย่างไร แล้วเมียอะไรจะเป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน อีกทั้งในตอนล่าสุดก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับ “แม่กลิ่น” (น้ำตาล พิจักขณา) ที่อาจจะกลายไปเป็นเมียน้อย “หมู่สง” (ป๊อป ฐากูร) อีกด้วย หากเจ้าตัวหรือยายยอมใจอ่อน
ละคร พรหมลิขิต

ภาพจาก Instagram thak00n

ละคร พรหมลิขิต

ภาพจาก Instagram p_namtarn

             ล่าสุด (4 ธันวาคม 2566) เพจ Thai Culture & Thai Travel  ก็ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับ “ลำดับเมีย” ในสมัยโบราณ กับเรื่องราวในละคร “พรหมลิขิต” ว่าหาก “แม่กลิ่น” ไปเป็นเมียหมู่สงจริง จะเรียกว่าเมียอะไร มีสถานะอย่างไร และยังมีคำอธิบายเกี่ยวกับ “เมียกลางเมือง” และ “เมียพระราชทาน” อีกด้วย ดังนี้

             "มาทำความรู้จัก "ลำดับเมีย" จาก "แม่กลิ่น" หลานยายกุย ในละครพรหมลิขิตกันนะคะ ตามศักดินาเมียในสมัยโบราณ ถ้าหาก "แม่กลิ่น" ไปเป็นเมียหมู่สงจริงแม่กลิ่นจะเป็น "เมียกลางนอก" (อนุภรรยา) หรือเมียน้อยนั่นเอง เพราะแม่กลิ่นไม่ใช่เมียที่ตกแต่งตามประเพณีที่บิดามารดาของหมู่สงไปขอจากยายกุย และในขณะเดียวกันแม่กลิ่นก็ไม่ใช่ "เมียกลางทาษี" หรือเมียทาส เพราะแม่กลิ่นมิใช่ทาส

ละคร พรหมลิขิต

ภาพจาก Instagram p_namtarn

             นอกจากนี้แม่กลิ่นจะไม่ได้จัดงานแต่งงานด้วย เนื่องจากสมัยโบราณไม่มีธรรมเนียมจัดงานแต่งให้เมียน้อย และศักดินาเมียในสมัยโบราณถ้าแยกตามสาระของ "กฎหมายตราสามดวง" ว่าด้วยครอบครัว (พระอัยการลักษณะผัวเมีย) ได้ระบุการแบ่งชั้นภรรยาออกเป็น 3 ประการ คือ

             (1.) "เมียกลางเมือง" หรือเมียหลวง สำหรับเมียคนนี้ คือ ผู้หญิงที่พ่อแม่ไปสู่ขอและทำพิธีแต่งงานกันถูกต้องตามประเพณี มีเกียรติสูงสุดในบ้าน มีตำแหน่งเป็นคุณหญิงหรือท่านผู้หญิง แต่ถ้าเทียบศักดิ์กันแล้วเมียพระราชทานจะมีศักดิ์มากกว่าเมียหลวง

             (2.) "เมียกลางนอก" (อนุภรรยา) หรือเมียน้อย เป็นผู้หญิงที่ชายขอเป็นอนุ เลี้ยงดูเป็นเมียคนหนึ่งในบ้าน มีศักดิ์ลดหลั่นลงมาจากเมียหลวง ซึ่งตำแหน่งนี้ผู้ชายในยุคนั้นจะรับมาเป็นเมียกี่คนก็ได้

             (3.) "เมียกลางทาษี" หรือเมียทาส เมียตำแหน่งนี้จะมาจากการไปไถ่ตัว หรือซื้อตัวมาให้เป็นคนรับใช้ในบ้าน ถ้าหน้าตาสวยถูกใจก็อาจจะเลี้ยงดูให้เป็นเมีย แต่จะไม่ยกเสมอเหมือนเมียคนอื่น ๆ และยังต้องทำงานบ้าน แต่อาจจะสบายกว่าทาสคนอื่นเล็กน้อย

ละคร พรหมลิขิต

ภาพจาก Instagram p_namtarn

             ทั้งนี้ในสมัยก่อนไม่นิยมเรียกชื่อลำดับชั้นภรรยา แต่มักเรียกแต่ว่า..เมียหลวง เมียน้อยและทาษภรรยา สำหรับ "ทาษภรรยา" เมื่อมีการเลิกทาสในสมัยรัชกาลที่ 5 คำว่า "ทาษภรรยา" ก็ไม่มีที่ใช้อีกต่อไป นอกจากนี้ในบทที่ 5 ของพระอัยการลักษณะมรดกยังมีภรรยาอีก 2 ประเภท คือ

             (1.) "เมียพระราชทาน" คือ เมียที่พระมหากษัตริย์ทรงพระราชทานให้ ซึ่งผู้ที่ได้รับพระราชทานจะต้องมีความดีความชอบ จงรักภักดีหรือเป็นที่ไว้วางใจ พระมหากษัตริย์จึงจะพระราชทานเป็นบำเหน็จหรือรางวัล โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิงที่รักกันมาก่อน หรือถ้ามีเมียอยู่แล้วก็สามารถรับเมียพระราชทานได้ เมียตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ผู้ชายจะเกรงใจมากที่สุดในบรรดาเมียทั้งหมด เพราะถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้แก่วงศ์ตระกูล และมีศักดิ์ใหญ่กว่าเมียทุกคนในบ้าน คนในสมัยนั้นจะให้ความสำคัญและต่างปรารถนาที่จะได้รับเมียพระราชทาน เพราะหญิงที่พระราชทานให้ส่วนใหญ่จะเป็นบุตรสาวของคหบดี ขุนนาง หรือเจ้าขุนมูลนาย ซึ่งธรรมเนียมนี้มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น

             (2.) #เมียทูลขอพระราชทาน จะมีศักดิ์เท่ากับเมียกลางนอกหรือเมียน้อย

             ซึ่งจะเห็นได้ว่า...ตามกฎหมายและประเพณีโบราณอนุญาตให้ "ชายมีภรรยาหลายคน" แต่ไม่ยินยอมให้หญิงมีสามีได้มากกว่าหนึ่งคน ทำให้กฎหมายต้องจัดลำดับชั้นของภรรยา โดยเมียพระราชทานเป็นใหญ่กว่าเมียหลวง / เมียหลวงเป็นใหญ่กว่าเมียน้อย / เมียน้อยเป็นใหญ่กว่าเมียทาษี

             ทั้งนี้ก็เพื่อกำหนดเบี้ยปรับชายชู้ เช่น (1) กรณีชายชู้ทำชู้กับเมียกลางเมือง (เมียหลวง) จะถูกปรับเต็มตามพระราชกฤษฎีกา (2) ถ้าชายชู้ทำชู้กับเมียกลางนอก (เมียน้อย) จะถูกปรับห้าส่วน ยกเสียส่วนหนึ่งเอาสี่ส่วน (3) ถ้าชายชู้ทำชู้กับเมียกลางทาษีให้ปรับห้าส่วน ยกเสียสองส่วนเอาสามส่วน

             นอกจากนี้ยังเป็นการกำหนดส่วนแบ่งมรดกเมื่อสามีเสียชีวิต ซึ่งเรียกว่า "การแบ่งมรดกภาคภรรยา" และการเป็นสามีภรรยานับแต่ใช้กฎหมายตราสามดวงก็ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนสมรสกันแต่อย่างใด การจดทะเบียนคงใช้เฉพาะการจดทะเบียนสัตว์เท่านั้น ส่วนการลงโทษผู้หญิงที่มีชู้ คือ ประจานโดย "ให้เอาเฉลวปะหน้าทัดดอกฉะบาแดงสองหู ร้อยดอกฉะบาแดงใส่ศีรษะ ใส่คอและให้นายฉะม่องตีฆ้องประจาน ๓ วัน" แต่หากสามีไม่อยากให้เมียถูกประจานก็สามารถนำเงินมาเสียค่าปรับแทนได้"

ละคร พรหมลิขิต

ภาพจาก Instagram p_namtarn

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก  Thai Culture & Thai Travel 
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดข้อมูล ลำดับเมีย จากละคร พรหมลิขิต ถ้าแม่กลิ่นยอมหมู่สง จะเป็นเมียอะไร ? อัปเดตล่าสุด 5 ธันวาคม 2566 เวลา 18:48:29 100,403 อ่าน
TOP