เรียกได้ว่าเป็นอีกซีนที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของละคร พรหมลิขิต เลยก็ว่าได้ สำหรับการโชว์สกิลทำอาหารของนางเอกอย่าง พุดตาน ที่สรรหาเมนูจากยุคปัจจุบันไปทำขายในสมัยอยุธยา แถมยังฝีมือดี โดดเด่น จนเป็นที่ถูกอกถูกใจของ ขุนหลวงท้ายสระ (เกรท วรินทร) จนอยากจะให้เข้าวังไปทำอาหารให้แบบส่วนตัวกันเลยทีเดียว
โดยก่อนหน้านี้ในละคร พรหมลิขิต ได้มีการนำเสนอเมนูหนึ่งจาก พุดตาน ที่ทำอาหารถวายขุนหลวงท้ายสระ ก็คือ "น้ำพริกกะปิ" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมนูสุดว้าว ดูแปลกใหม่ ด้วยการเสริมข้าวคลุกปลาทู กากหมูทอดเข้าไปด้วย แต่จริง ๆ แล้ว หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า "น้ำพริกกะปิ" เป็นอาหารที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
ทั้งนี้ทางเพจ Thai Culture & Thai Travel ที่มักให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทย ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ ดังนี้
"#น้ำพริกกะปิมีตั้งแต่สมัยอยุธยา หลักฐานจากบันทึกจดหมายเหตุของ #ลาลูแบร์ (ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ / Simon de La Loubère) เมื่อคืนแอดเห็นเมนู #น้ำพริกกะปิ ผ่านละคร #พรหมลิขิต จากแม่พุดตานจึงทำให้แอดคิดถึงเรื่องน้ำพริกกะปิจากบันทึกของลาลูแบร์ราชทูตฝรั่งเศสที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับไทยในสมัย #สมเด็จพระนารายณ์ ขึ้นมาได้โดยบันทึกจดหมายเหตุของลาลูแบร์ได้ระบุไว้ว่า "…ชาวสยามชอบกินเครื่องจิ้มกับผัก.."
นอกจากนี้ลาลูแบร์ยังอธิบายถึงน้ำจิ้ม (น้ำพริก) ชนิดหนึ่งไว้ว่า "…น้ำจิ้มของพวกเขาทำกันอย่างง่าย ๆ ใช้น้ำนิดหน่อยกับเครื่องเทศ หัวกระเทียม หัวหอม กับผักลางชนิดที่มีกลิ่นดี เช่น กะเพรา พวกเขาชอบบริโภคน้ำจิ้มเหลวชนิดหนึ่ง คล้ายกับมัสตาร์ด ประกอบด้วยกุ้งเคยเน่า เพราะหมักไม่ได้ที่เรียกว่า "กะปิ" มีผู้ให้มองซิเออร์เซเบเรต์ มาหลายกระปุก ซึ่งก็ไม่มีกลิ่นเหม็นจัดนัก…"
ซึ่งลักษณะน้ำพริกที่ลาลูแบร์อธิบายไว้สันนิษฐานว่า คือ น้ำพริกกะปิ ประกอบกับ #กะปิถือเป็นของฝากของชาวสยามในสมัยนั้น และราชทูตชาวฝรั่งเศสก็ได้รับเป็นของฝากตอนกลับฝรั่งเศสอีกด้วย นอกจากนี้ คุณกฤช เหลือลมัย นักโบราณคดีผู้สนใจศึกษาเรื่องอาหารไทยได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับบันทึกนี้ไว้ว่า…สิ่งที่ลาลูแบร์เห็นก็คือน้ำพริกกะปินั่นเอง ด้วยเหตุนี้จึงสรุปได้ว่าคนไทยกินน้ำพริกกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และสืบต่อเป็นวัฒนธรรมกันมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ก็อ้างอิงตามหลักฐานเก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบในปัจจุบัน"
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Thai Culture & Thai Travel
ภาพจาก Ch3Thailand, Instagram bellacampen