x close

ทำความรู้จัก พรีม รณิดา เตชะสิทธิ์

พรีม รณิดา เตชสิทธิ์


พรีม รณิดา เตชสิทธิ์


แฟชั่นดารา
 

พรีม รณิดา เตชสิทธิ์


ทำความรู้จัก "พรีม" รณิดา เตชะสิทธิ์ (ภาพยนตร์บันเทิง)

เรื่อง : Little Smile (^_^)v
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ช่อง 3 , เฟซบุ๊กแฟนเพจ พรีม รณิดา เตชสิทธิ์ Fanclub

          ต้องบอกว่าเป็นนางเอกที่วัยยังไม่ถึง 15 ปีอีกคนที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ สำหรับนางเอกละครเรื่อง "แม่ยายที่รัก" "น้องพรีม" รณิดา เตชะสิทธิ์ สาวลูกครึ่งไทย-อิตาเลียน ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลย้ายมาอยู่เมืองไทยเมื่อตอนอายุ 11 ปี ตอนนี้เธอทั้งเรียน ทั้งพูดภาษาไทยได้ชัดแจ๋ว เพราะตั้งใจอยากจะทำงานในวงการให้ดีที่สุด มารู้จักเธอกันดีกว่าค่ะ

เล่าที่มาที่ไปกันก่อนเลยค่ะ ?

        พรีม รณิดา : ตอนแรกหนูก็ไปเดินเล่นที่ฟู้ดแลนด์ เพิ่งย้ายกลับมาจากอิตาลี แล้วก็ได้เจอ พี่แพร ซึ่งพี่เขาเป็นทีมของ พี่เอ ศุภชัย ตอนนั้นหนูอายุ 11-12 ปี พี่เขาก็มาขอเบอร์คุณแม่ไป ก็ชวนเราล่ะว่าอยากลองเข้ามาทำงานตรงนี้ไหม ก่อนหน้านี้ก็มีโมเดลลิ่งเข้ามาติดต่อเหมือนกัน หนูก็เลยพอจะทราบว่าระบบการทำงานในเมืองไทยเป็นแบบนี้ ซึ่งถ้าเทียบกับที่อิตาลี มันยากมาก ที่โน่นถ้าใครจะเข้าวงการต้องมีเส้นสายเท่านั้น แต่ที่เมืองไทยเปิดโอกาสมากกว่า แล้วพอดีตัวหนูเป็นคนชอบแสดงออกอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าจะลอง แล้วก็เลยตัดสินใจเซ็นสัญญากับพี่เอ ตั้งแต่ตอน 11 ปี แล้วก็เก็บตัวมา 1 ปี มาเจอพี่เอตอน 12 ปี

         หลังจากนั้นก็เรียนมาตลอด เรียนร้องเพลง เรียนเต้น แล้วก็เรียนปกติ มีเรียนแอ็คติ้งด้วย พี่เอจะจัดคอร์สให้ไปเรียน เรียนทุกวันตั้งแต่เช้าถึง 4-5 ทุ่ม ภาษาไทยก็เหมือนกันเพราะหนูพูดไมได้ พอต้องมาอยู่กับพี่เอ ยิ่งต้องฝึกมากขึ้นอีก ไม่ใช่แค่พูดได้แต่ต้องพูดให้ชัดมาก คือการพูดมันไม่ยาก แต่ความเข้าใจภาษามันยาก การเขียนอ่านทุกอย่างเราต้องฝึกหมด คำบาลี คำราชาศัพท์ ทุกอย่างต้องเรียนหมดอย่างโรงเรียนหนูเรียนที่สารสาสน์เลือกแบบ 2 ภาษาเพราะอยากฝึกภาษาไทยไปด้วยค่ะ

ใช้ชีวิตที่โน่นเป็นอย่างไรบ้างคะ ?

        พรีม รณิดา : หนูไปอยู่ที่โน่นตั้งแต่ 1 ขวบ ก็เรียนที่โน่นเลยล่ะ ด้วยความที่เป็นเด็กฝรั่งนะคะ เรามีความเป็นอิสระ มีความคิดของตัวเองสูง มาอยู่เมืองไทยหนูว่าตัวหนูได้ฝึกหลายอย่าง อย่างเรื่องมารยาท คือประเพณีไทย หนูว่ามันดีนะคะ ที่โน่นอาจจะอิสระทางความคิด คือ เสมอภาคกันไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ แต่ที่นี่เราต้องฝึกการมีสัมมาคารวะ ต้องอ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อก่อนหนูเป็นคนพูดเร็ว เดี๋ยวนี้ก็พยายามให้ช้าขึ้น ต้องคิดก่อนพูด มันทำให้หนูได้ปรับตัว การที่หนูกลับมาเมืองไทย เพราะคุณพ่อฝันไว้ตั้งแต่ก่อนหนูเกิดด้วยซ้ำว่า อยากมาใช้ชีวิตที่นี่อย่างถาวร แต่ตอนนั้นที่โน่นมีงานให้ทำ ก็เลยรอโอกาสที่ดี แล้วพอเรามีโอกาสนั้นเราก็ย้ายมาอยู่ที่นี่

เข้าวงการแล้วครอบครัวว่าไงบ้าง ?

        พรีม รณิดา : ครอบครัวไม่ว่าอยู่แล้วค่ะ อีกอย่าง เพราะว่าหนูได้ทำในสิ่งที่หนูชอบ พ่อกับแม่ก็เลยสบายใจ เพราะเราได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำสิ่งที่เรารัก

คาแรกเตอร์ของพรีม ?

        พรีม รณิดา : หนูเป็นคนกะโปโลมากค่ะ ทุกคนชอบบอกแบบนี้ (หัวเราะ) คือหนูอาจจะเป็นคนติดสบาย แบบไม่ใส่ใจตัวเองมากมาย สบาย ๆ คือไปไหนมาไหนก็กางเกง เสื้อยืดโคร่ง ๆ เอาของพี่ชายมาใส่บ้าง ตอนนี้เริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น เริ่มดูแลตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่สาวหวานแบบบ้องแบ๊วขนาดนั้นนะคะ คงแบบเซอร์ ๆ แล้วก็ซุ่มซ่าม ไม่มีวันไหนที่หนูไม่หกล้ม ตอนนี้ขามีแต่รอยเต็มไปหมดเลย อย่างตอนมาถ่ายละครเนี่ย ในกองจะเรียกหนูว่า "ยัยเด็กน้อย" แล้วก็เรียกว่า "ยิปซี" คือยิปซีเนี่ยเป็นหลานของคนในกอง อายุ 2-3 ขวบ แต่ว่าพฤติกรรมของหนูกับของน้องจะมีหลายอย่างที่คล้ายกัน ในกองละครก็เลยเรียกหนูว่ายิปซี (หัวเราะ) คือเราเป็นเด็ก

วัยแค่ 14 ปี มีผลกับงานไหมคะ ?

        พรีม รณิดา : มีค่ะ คือเราเป็นเด็กแต่พอเรามาทำงานที่มีผู้ใหญ่หมดเลยต้องทำงานร่วมกัน เราก็ต้องปรับการวางตัวของเราให้ดีขึ้น เราต้องคุยกับเขา เราต้องคิดว่าเราจะคุยยังไงแบบไหนบ้าง วันแรกไปเข้ากองเนี่ยยังจำได้เลยว่าเรียนเสร็จ ใส่ชุดพละไปกอง แล้วฉากแรกต้องเข้ากับแม่ตุ๊ก (ดวงตา ตุงคะมณี) บอกคำเดียวว่ากลัวมากค่ะ คือรู้สึกว่าแม่ตุ๊กต้องดุแน่เลย ในกองมีแต่ผู้ใหญ่ต้องดุแน่ ๆ แต่พอเข้ามาจริง ๆ ทุกคนสบาย ๆ แล้วก็คอยสอนคอยช่วยหนู ก่อนถ่ายละครเราเรียนแอ็คติ้งมา 2 ปี แต่พอมาทำงานเนี่ยเราได้นำมาใช้ก็จริง แต่ว่าการทำงานมันมากกว่านั้น ซึ่งหนูก็ต้องเรียนรู้มันไปเรื่อย ๆ

ร่วมงานกับพี่ชาคริต เข้าฉากกุ๊กกิ๊กกับพี่เขาเชื่อไหมเนี่ย ?

        พรีม รณิดา : หนูว่า พี่ซาคริต (ซาคริต แย้มนาม) เป็นคนมีเสน่ห์นะคะ เวลาพี่เขาเล่นเขาส่งบทดีมากเลย ตอนแรกก็เกร็งนะเพราะอายุห่างจากพี่เขาหลายปี แต่พอได้ร่วมงาน ความขี้เล่นของพี่เขา การส่งอารมณ์ของพี่เขา อย่างเวลาพี่ขำทำหน้าทำตา มันทำให้เรารู้สึกสบายใจ แต่เขินไหม มันก็เขินอยู่แล้วค่ะ แต่ซีนกุ๊กกิ๊กของเรามันไม่เยอะ คือหนูเพิ่ง 14 ปี ยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรัก หนูก็พยายามคิดบวกนะ คือคิดถึงตัวตนของพี่คริตว่าพี่เขาเป็นคนน่ารักแบบไหน แล้วก็ต้องเชื่อว่าเราเป็นตัวละครตัวนี้อยู่ จริง ๆ พี่คริต ก็ช่วยเยอะนะคะ อย่างเรื่องการต่อบท แล้วพี่เขาก็ดี ตรงที่เวลาเขาเล่น เขาจะเล่นเหมือนกันไม่ว่าจะซ้อมหรือจริง มันก็เลยทำให้เราเข้าใจในการทำงานร่วมกันค่ะ

พี่หมิวกับพี่ก้องล่ะคะ ร่วมงานแล้วเป็นไงบ้าง ?

        พรีม รณิดา : น่ารักค่ะ หนูชอบ พี่หมิว (ลลิตา ศศิประภา) ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลย คือหนูเข้าใจเลยว่าทำไมคนถึงปลื้ม พี่ก้อง (สหรัถ สังคปรีชา) กับพี่หมิว อย่างพี่ก้องเนี่ยเป็นคนตลกนะคะ คืออาจจะดูเหมือนพี่เขานิ่ง ๆ แต่จริง ๆ พี่เขาก็มีมุกของเขาเหมือนกัน ชอบเล่นมุกเงียบ ๆ ซึ่งหนูก็ไม่เคยคิดว่าพี่เขาจะเล่นมุกแบบนี้ พี่หมิวเนี่ยน่ารัก คือเท่าที่ได้ยินมาพี่เขาเป็นแบบไหนก็เป็นแบบนั้นตลอด ไม่เคยเหวี่ยง ในเรื่องพี่หมิวต้องเล่นเป็นคุณแม่หนู หนูก็เลยได้คุยกับพี่เขาเยอะ พี่หมิวจะสอนให้เราเล่นเป็นธรรมชาติ สอนเรื่องเรียน แนะนำผลิตภัณฑ์ดี ๆ ให้หนูใช้ แล้วที่สำคัญนิสัยการกินคล้าย ๆ กับหนูหลายอย่าง อย่างกินก๋วยเตี๋ยว พี่เขาไม่ปรุง มาแบบไหนกินแบบนั้น หนูก็เป็นแบบนั้น เหมือนกัน มันเลยทำให้เชื่อว่าพี่เขาเป็นแม่หนู

ทำงานมามีซีนไหนที่ประทับใจบ้าง ?

        พรีม รณิดา : ซีนที่หนูไม่ลืมเลย จริง ๆ คงไม่ลืมทุกฉาก เพราะเป็นละครเรื่องแรกด้วย แต่ที่จำได้แม่น คงเป็นฉากพ่นน้ำส้ม คือในเรื่องเนี่ย พี่มิค (บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ) ต้องมาคุยกับหนูเรื่องการแต่งงาน แล้วหนูต้องแบบหันไปพ่นใส่หน้าพี่เขา แต่หนูทำไมได้อ่ะ มันไม่ใช่พ่นน้ำส้มใส่หน้าธรรมดา มันต้องพ่นแบบที่ดาราตลกเขาพ่นกันให้กระจาย ๆ ก่อนถ่ายเนี่ยหนูก็ฝึกกับน้ำก่อน ทุกคนก็เข้ามาสอนก่อน แต่หนูก็ยังทำไม่ได้ ฝึกฝนกับผ้าก็ไม่ได้ พอเข้าฉากพ่นใส่หน้าพี่มิคก็ไม่ผ่าน หลายเทคมาก พี่พุดเดิ้ล (ปาจรีย์ ณ นคร) ก็เลยบอกว่า เดี๋ยวจะลองทำให้ ปรากฏว่าพี่เขาก็พ่นไม่ได้เหมือนกัน ท้ายที่สุดเลยเป็น พี่โจโจ้ ไมอ๊อกซิ มาพ่นถึงได้ผ่าน แต่พี่มิคก็โดนไปหลายรอบเลย (หัวเราะ) แล้วทุกคนเนี่ยก็หัวเราะหมดเลย

การทำงานเรื่องนี้ให้อะไรกับพรีมบ้าง ?

        พรีม รณิดา : ได้เยอะเลยค่ะ อย่างแรกคือการฝึกการทำงาน ฝึกความรับผิดชอบ หนูได้ฝึกเรื่องการวางตัว การทำงานละครเรื่องนี้มีแต่ผู้ใหญ่ ๆ ทุกคนมีประสบการณ์มาหมดแล้ว ที่ผ่านมาหนูไม่ค่อยได้เจอคนเยอะแยะ แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเราจะวางตัวยังไง หลังจากนี้หนูก็มีละครต่อเรื่อง "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" หนูเล่นเรื่องแรกใน 5 เรื่องคือ "คุณชายธราธร" แต่ตอนนี้หนูก็ขอฝากผลงานละครเรื่อง "แม่ยายที่รัก" ไว้ด้วยนะคะ


แม่ยายที่รัก


Profile

       ชื่อในวงการ : "พรีม" รณิดา เตชะสิทธิ์

       ชื่อที่อิตาลี : จินนี่ ความหมายของชื่อ พรีม = แสงสว่าง / จินนี่ = เหมือนเอลฟ์ ตัวเรืองแสงในนิยาย และ รณิดา แปลว่า ยินดีและพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี เรียน ม.3 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศรังสิต

       อาหารจารโปรด : ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ และอะไรทุกอย่างที่เป็นแป้งค่ะ ชอบกินข้าวเปล่าไม่กินกับ

       งานอดิเรก : อ่านหนังสือ ฟังเพลง วาดภาพ

       ความสามารถพิเศษ : เต้นบัลเล่ต์ เต้นมาตั้งแต่ 8 ขวบ

       สถานที่ท่องเที่ยวที่ชอบ : ชอบไปเกาะค่ะ กลัวน้ำแข็งขั้วโลกละลายแล้วเกาะจะหายไป ก็เลยไล่เที่ยวหมดเลย เกาะคาริเบียน เกาะฮาวาย เมืองไทย ยังไม่เคยไปเลยแต่ก็อยากไปมาก อยากไป พีพี กับ ภูเก็ต

       ความรัก : เป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้ค่ะ ไม่ค่อยนึกถึงเรื่องแบบนี้มาก แต่ความรักสำหรับหนูคือ การที่เราได้อยู่กับคนคนหนึ่งแล้วเราไม่อึดอัด เราเป็นตัวเองได้ค่ะ

       คติประจำใจ : ใช้ทุกคติตามสถานการณ์ค่ะ แต่สิ่งสำคัญคือทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เดี๋ยวอนาคตจะดีเอง











ขอขอบคุณข้อมูลจาก




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ทำความรู้จัก พรีม รณิดา เตชะสิทธิ์ อัปเดตล่าสุด 11 เมษายน 2555 เวลา 12:01:19 7,244 อ่าน
TOP