x close

ความรักหลากหลายมุมมองของ 6 พระนางในละคร 3 หนุ่มเนื้อทอง

สามหนุ่มเนื้อทอง


ความรักหลากหลายมุมมองของ 6 พระนางในละคร "3 หนุ่มเนื้อทอง" (ภาพยนตร์บันเทิง)

ละครเด่น เรื่อง : น้ำริน
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก facebook สามหนุ่มเนื้อทอง , facebook banmarkpantip และ Instagram boy_pakorn, mark_prin, yossiebistro

           "3 หนุ่ม เนื้อทอง" ผลงานล่าสุดของผู้จัดสาว "จ๋า" ยศสินี ณ นคร ภายใต้บริษัท เมคเกอร์วาย กำกับการแสดงโดยผู้กำกับฯ มีชื่อ "หนุ่ม" กฤษณ์ ศุกระมงคล เป็นละครรักโรแมนติก-คอมเมดี้ ที่สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องความรักหลากหลายรูปแบบของพระนาง 3 คู่ ที่มาเกี่ยวข้องกันโดยบังเอิญ และมีความรักที่ต้องเผชิญต่างรูปแบบกันไป คู่แรกคือ "บอย" ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ กับ มารี เบรินเนอร์, คู่สองคือ "หมาก" ปริญ สุภารัตน์ กับ "คิม" คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ และคู่สุดท้ายคือ "เคน ภูภูมิ พงศ์ภาณุ กับ "เต้ย" จรินทร์พร จุนเกียรติ วันนี้เราก็เลยมีสกุ๊ปเด็ดเกี่ยวกับมุมมองความรักของพระ-นางทั้ง 6 คนมาถ่ายทอด


สามหนุ่มเนื้อทอง


ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ "รักที่ต้องทน"

           บอย ปกรณ์ กับบทของ ร้อยตำรวจเอก วัชระ (วัช) ตำรวจหนุ่มเลือดร้อน ปากร้าย ใจนักเลง หวานไม่เป็น ตรงไปตรงมา ออกแนวขวานผ่าซาก วัชระเป็นแฟนกับ แหนม เนตรนภัส ด้วยความเป็นคนไม่ค่อยขอบมีปากมีเสียงกับแฟน ทำให้เขาโดนเนตรภัสควบคุมและครอบงำมากจนไม่เป็นตัวของตัวเอง "ความเก็บงำ" ค่อยๆ ล้ำไปเป็น "ความเก็บกด" และรอวันระเบิดออกมา จนกระทั่งเขาได้มาเจอกับฝ้าย สุพรรณิการ์ (มารี เบรินเนอร์) ผู้หญิงที่ทำให้เขากลับมาเป็นตัวของอีกครั้ง

           "ต้องบอกก่อนเลยว่าละครเรื่องนี้พูดถึงมุมมอง พูดถึงปรัชญาพูดถึงนิยามความรักที่ค่อนข้างจะจริง ผมว่าคนที่ดูต้องรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของคุณได้ มันไม่ได้เป็นแนวละครเกินไปเหมือนทุกเรื่องที่ผ่านมา ดูแล้วจะต้องรู้สึกว่า เออ...เรื่องนี้มันจริงว่ะเคยเจอเหมือนกันนะ อย่างของผมเป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่มีแฟน คือ แหนม (พิตต้า ณ พัทลุง) แต่ความรักของผมมันไม่มีแพตเทิร์นตายตัว ไม่สามารถกำหนดได้ว่าเป็นรักที่เสียสละ เป็นรักที่ต้องเลือกหรืออะไร ความรักของผมเหมือนในเรื่อง พิตต้า เป็นผู้หญิงคนหนึ่งปกติที่มีมุมมองความรักเหมือนผู้หญิงทั่วไปแต่อาจจะเป็นผู้หญิงที่จุกจิกมากเป็นพิเศษ ที่ผมบอกคนดูอาจจะบอกว่าแฟนผมก็เป็นคนแบบนี้เลย เป็นคนเอาแต่ใจมาก อยากได้อะไรต้องได้ ชอบบังคับโน่นบังคับนี่ผมตลอด เช่น ผมทะเลาะกับพิตต้า เขาก็จะโทร.ตามตัว คอยจิกว่าอยู่ไหน ทำไมโทร.ไปไม่รับสาย พอผมมาเจอเขาก็โวยวายด่า พอผมอธิบายก็ไม่ยอมฟังแล้ว ซึ่งตัวของ วัชระ เป็นคนค่อยข้างตามใจแฟน และพอแฟนเป็นแบบนี้ก็กลับและเกรงด้วยเลยเป็นรักที่ต้องทน"

ชีวิตจริงถ้ามีแฟนแบบนี้จะทนไหมล่ะ

           "โอย...ไม่ไหวจริงๆ ผมคงไม่ทนเหมือนวัชระหรอก เพราะแหนมเป็นผู้หญิงที่ออกแนวงี่เง่าและคอยบงการชีวิตผมทุกอย่าง อย่างเขาอยากแต่งงานต้องมีงานแต่งงานที่เลิศหรูอลังการดูดีเท่านั้น แต่ในเรื่องผมกลับเป็นผู้ชายที่รักสมถะ และยังไม่อยากแต่งงาน แต่แหนมคือไม่ได้ และพอผมไม่มีเวลาให้ก็ไปบอกเจ้านายผมให้ย้าย ผมไปอยู่แผนกอื่นเพื่อจะได้มีเวลาให้เขามากขึ้น เขาบงการทุกอย่าง และวุ่นวายกับชีวิตผมไปหมด แต่พอวันหนึ่ง เขาเริ่มอดทนไม่ไหวกับพฤติกรรมต่างๆ ของแหนมก็ถึงจุดแตกหัก อยากจะเลิกกับแหนมแต่เขาก็รู้สึกผิด ถ้าชีวิตจริงเจอแฟนแบบนี้ผมคงต้องอธิบายให้เขาเข้าใจว่าการคบกันเป็นเรื่องคนสองคนนะ ต้องเป็นการตัดสินใจที่มาจากคนสองคนต้องแชร์ความรู้สึกกัน แต่ถ้ามันไม่สามารถแชร์กันได้ 50-50 โอเค.เราเป็นผู้ชายอาจจะยอมเขาบ้าง 60-40 หรือ 70-30 ก็ว่ากันไป แต่สุดท้ายถ้าเขายังไม่พอใจก็คือไปกันไม่ได้"

สามหนุ่มเนื้อทอง

มีมุมมองยังไงกับผู้หญิงงี่เง่า จุกจิก เอาแต่ใจ

           "ก็คงน่ารำคาญและอึดอัด แต่ผมไม่ได้มองเป็นเรื่องที่แย่อะไรมากมายเพราะว่าผมก็เข้าใจ เอาจริงๆ ในมุมมองของการเป็นแฟนกัน ผมก็เป็นเหมือนกัน ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ค่อนข้างจุกจิก เป็นห่วงเป็นใย อยากรู้ตอนนี้อยู่ไหน ซึ่งผมก็โดนคอมเม้นต์จากแฟนเก่าว่าผมเป็นคนขี้จุกจิก บางทีนิสัยผมเหมือนผู้หญิงมากเกินไปก็เลยเข้าใจ"

นิยามความรักในละครที่โดนใจ

           "มีหลายประโยคมากอย่างประโยคที่ คิม พูดว่า "ทำไมคนเราก่อนคบกันกับหลังคบกันมันถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้นะ" ผมว่ามันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น คู่รักอาจจะไม่ 100% แต่อย่างน้อยต้องมี 80-90% ที่ไม่ได้หวานแหววตั้งแต่ต้นจนจบชีวิตการแต่งงานจนแก่ตายกันไป ผมว่ามันเป็นธรรมดาที่คนเราตอนแรกที่คบกันอะไรๆ ก็ดีหมด แต่พอผ่านไปนานๆ อะไรเริ่มเปลี่ยนไป เริ่มเห็นจุดบอดของแต่ละคน อยู่ที่คู่ไหนจะประคับประคองให้ผ่านไปได้มากกว่า และมีอีกหลายประโยคที่ผมชอบ หรือบางทีก็เป็นสุภาษิตจีนเป็นสุภาษิตฝรั่ง เช่น ที่ เต้ย พูดว่า "ผู้ชายที่แสนดีมีอยู่ในโลกแค่ 2 คน คนหนึ่งตายไปแล้วอีกคนยังไม่เกิด" ผมชอบเพราะแปลได้ว่าจริงๆ แล้วผู้ชายที่แสนดีในโลกนี้ไม่มีหรอก เพราะคนหนึ่งตายไปแล้วอีกคนยังไม่เกิด แสดงว่าไม่มีทางจะเจอคนที่ดีเพอร์เฟกต์ได้ ซึ่งมันเป็นจริงๆ

           และถ้าจะพูดตามตรง ผู้ชายเป็นเพศที่นิสัยไม่ดีสำหรับผู้หญิง อาจจะด้วยธรรมชาติ ด้วยสังคมของผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกัน ต่อให้คุณเจอผู้ชายแสนดีแค่ไหนก็ต้องมีความเผลอไผลอะไรไปบ้าง และมีคำพูดของพระพุทธทาสภิกขุที่หมาก พูดว่า "ผู้ใดมีความรัก 100 ผู้นั้นทุกข์ 100 ถ้าผู้ใดมีความรัก 80 ก็ทุกข์ 80 จนไล่ลงมาเรื่อยๆ ถ้าผู้ใดไม่มีรัก ผู้นั้นก็ไม่มีทุกข์" ก็เป็นเรื่องจริง เพราะความรักมันมาพร้อมความทุกข์

           ส่วนในมุมของผมก็จะมีคำพูดที่ผมชอบมากแต่ผมจำเป๊ะๆ ไม่ได้ เป็นคำพูดของท่าน ว.วชิรเมธี พูดว่า "ผู้ใดที่รักอย่างรู้ตัว ผู้นั้นจะมีความสุข แต่ถ้าผู้ใดที่รักอย่างไม่รู้ตัว ผู้นั้นจะมีความทุกข์" คำพูดของท่านกล่าวถึงการมีสติเวลาจะคบกับใคร ตัวของวัชระเป็นผู้ชายลุยๆ บ้ากามๆ ตอนแรกที่เจอแหนมก็ชอบเลยตรงที่เขาเป็นคนสวยเป็นคนเซ็กซี่โดยไม่ได้รู้จักนิสัยของเขาก่อน ซึ่งคำพูดของท่าน ว.สอนถึงการมีสติในการเลือกคบในการทำความรู้จักหรือเชื่อใจใครสักคนหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าคนดูคงจะชอบละครเรื่องนี้ เพราะมันค่อนข้างแปลกจากละครทั่วๆ ไป เป็นละครดูสบายนะ อย่างพิตต้าถึงจะดูเป็นตัวร้ายแต่ก็น่าสงสารนะ และเป็นตัวร้ายที่มีความเป็นคน ไม่ได้ดูร้ายขนาดนั้น"

สามหนุ่มเนื้อทอง


มารี เบรินเนอร์ "รักที่ไม่ควรจะรัก"

           มารี เบรินเนอร์ รับบทเป็น สุพรรณิการ์ (ฝ้าย) สาวเท่ ก๋ากั่น เปรี้ยว ปรี๊ด จี๊ด ฟัน ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูทะมัดทะแมงและแต่งตัวรัดกุม ทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นทอม แต่จริงๆ แล้ว สุพรรณิการ์คือหญิงสาวที่ต้องการความรัก และอยากมีแฟนอยากมีครอบครัวเหมือนหญิงสาวทั่วไป แต่ด้วยความเป็นคนปากร้าย ใจนักเลง ทำให้หนุ่มๆ กลัวไม่กล้าเข้ามาจีบ แต่แล้ว...ประวัติของเธอก็ต้องเปลี่ยนบทจารึกใหม่เมื่อได้พบกับวัชระ (บอย ปกรณ์) จากคู่กัดก็ค่อยๆ กลายเป็นคู่เลิฟแบบพลิกล็อก

           "ตัวเอง ฝ้าย กับ วัชระ เป็นความรักที่ไม่ได้ ตั้งใจ มันเริ่มจากการไม่ถูกกันเป็นคู่กัดกันตลอด จนมีจุดหนึ่งที่เริ่มเห็นความใกล้เคียงของกันในชีวิตของแต่ละคน ก็เริ่มสนิทกันเพราะมีหลายๆ อย่างเหมือนกันในชีวิต แต่มันเป็นความรักที่มีอุปสรรค เพราะจริงๆ แล้ววัชระมีคู่หมั้นคือ แหนม ก็จะมีจุดที่แบบว่าเป็นความรักที่ผิดเป็นความรักที่ไม่ควร และเป็นรักที่ยาก เป็นรักที่ต้องอดทนเหมือนกัน"

ถ้าชีวิตจริงเจอความรักแบบนี้จะทำยังไง

           "ก็คงถอยออกมาให้ห่างที่สุดจนกว่าเขาจะเคลียร์ตัวเขากับแฟนเขาให้เรียบร้อยแล้วค่อยมาคุยกันอีกที เพราะมันเหมือนไม่ใช่ที่ที่ของเราในเมื่อเขาก็มีชีวิตคู่ของเขามาก่อน ส่วนเรามาทีหลัง อาจจะไม่ได้เป็นคนที่เข้าหา แต่เหมือนคนที่โดนดึงเข้ามาจนทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด"
ในละครตัวของฝ้ายโดยแฟนของวัชระตามราวี โดยที่ฝ้ายไม่ตอบโต้ แต่ถ้าเป็นตัวของมารีคงไม่ยอมขนาดนั้น
"จริงๆ ในละครตัวของฝ้ายก็อยากโต้ตอบกลับ แต่มีคนคอยแนะนำคอยห้ามว่าอย่าเพิ่งๆ เราก็เลยเชื่อ แต่ถ้าเป็นตัวหนูอาจจะไม่ยอมถึงขนาดนั้น เพราะบางทีเขาก็ทำมากไป บุกมาถึงห้องเรามาขู่จะเอาถึงชีวิต คือมันก็ต้องดูตามสถานการณ์ด้วย"
มุมมองความรักของสาวในวัย 19 อย่าง

สามหนุ่มเนื้อทอง

มารี

           "หนูว่าไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหนทุกคนก็ต้องการ จะจากพ่อแม่จากเพื่อนหรือจากแฟนก็ตาม ถ้าไม่มีใครรักเราเหมือนเราใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้ แต่ความรักก็มีทั้งมุมดีและมุมร้าย อาจทำให้เราอ่อนแอในบางมุม แต่มันก็น่าจะเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดแล้ว"

นิยามความรัก

           "คือการซับพอร์ตคนนั้นไม่ว่าเขากำลังดีหรือกำลังร้ายกำลังเสียใจหรือกำลังมีความสุข ยังไงเราก็ต้องยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อเขา ไม่ว่าเขาจะกลายเป็นคนยังไง ถ้าแต่แรกเรามั่นใจว่าเรารักคนนี้ เราสัญญากับเขาไว้แล้วว่าจะอยู่ข้างเขาตลอดไปถึงแม้เขาจะกลายเป็นคนแบบไหน เราก็ต้องอยู่เคียงข้างเขา"

เป็นคนที่เชื่อมั่นในความรัก

           "เชื่อว่าความรักมีจริงแน่นอน แต่เป็นอะไร ที่เราไม่สามารถบังคับมันได้ ถ้าเราจะรักใครก็ควรจะคลิกเลย ควรจะแบบ เออ... คนนี้ใช่ว่ะ และถ้าเรากับเขาไปกันได้ ก็ได้ถ้าไปไม่ได้ก็ไม่ไปในเมื่อบางคนเหมือนเราอาจจะคิดว่าใช่ แต่ตอนหลังเราอาจจะเรียนรู้ในบางอย่างที่เราไม่คิดว่าเขาเป็นแบบนี้นี่น่า มันก็มีหลายสาเหตุที่ทำให้เราเปลี่ยนใจได้"

สามหนุ่มเนื้อทอง


ปริญ สุภารัตน์ "รักแท้ที่มีแต่ให้"

           หมาก ปริญ รับบทเป็น กริชชัย หนุ่มหล่อโสด แสนดี มีฐานะ และรักเดียวใจเดียวแบบสุดๆ กริชชัยไม่เคยมีแฟน รักคนยาก ชอบก็ยาก ไม่ค่อยชอบแสดงความรู้สึก แต่ผู้หญิงคนเดียวที่เขาแอบหลงรักคือ อรุณศรี (คิม คิมเบอร์ลี่) เป็นรักแรกพบและไม่มีทีท่าว่าจะเลิกรักได้ง่ายๆ ถึงจะพยาย้าม... พยายามตัดใจ แต่ก็ทำไม่ได้ รู้ทั้งรู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว แต่ก็ยังรักไม่เลิก

           "ตัวจริงผมก็เป็นเหมือน กริชชัย นะ สมุติผมไปชอบใครไปหลงรักใครที่เขามีแฟนแล้ว ผมก็จะรอครับ รอจนกว่าเขาเลิกกับแฟนแล้ว ผมค่อยไปจีบ เพราะเราก็ไม่อยากไปแย่งเขามาหรือทำให้เขาต้องเลิกกันเพราะเรา ก็เลย ต้องทนต้องรอครับ ผมไม่ได้เป็นคนคบใครเล่นๆ ผมไม่อยากคบใครแป๊บเดียวแล้วเลิก แต่ผมเป็นคนรักใครรักจริงและเวลารักใครก็จะทุ่มให้ทั้งตัวและหัวใจ แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีลิมิตในการรอนานาแค่ไหน แต่ผมก็จะรอจนกว่าเขาจะเลิกกับแฟน หรือไม่จนกว่าเราจะไปเจอคนใหม่ที่เท่าเทียมเขาได้"

ผู้หญิงแบบไหนที่ทำให้หมากรอได้ไม่ว่าจะนานแค่ไหน

           "คนที่พูดตรงๆ มีอะไร ก็พูด ต้องจริงใจ และต้องไม่ตามใจผมมากเกินไป ส่วนหน้าตาก็ต้องสวยหน่อยนึง แต่บอกไม่ได้ว่าสวยของผมต้องเป็นแบบไหนยังไง อันนี้แล้วแต่อารมณ์มากกว่า"


สามหนุ่มเนื้อทอง


คิดว่าผู้ชายแสนดีแบบกริชชัยในละครจะมีอยู่ในโลกของความเป็นจริงหรือเปล่า

           "ผมคิดว่ามีนะมีอยู่แล้ว ตัวผมยังเป็นเลย (พูดไปก็หัวเราะไปแบบเขินๆ) ผู้ชายที่รักจริงผมว่ายังมีอยู่นะในปัจจุบันนี้"

คำพูดในละครที่ฟังแล้วกินใจม๊าก

           "มันจะมีประโยคหนึ่งที่ตัวกริชชัยจะเข้าไปปลอบ อรุณศรี ผู้หญิงที่เขาแอบรัก ซึ่งตอนนั้นเขากำลังร้องไห้อยู่เพราะทะเลาะกับแฟน กริชชัย พูดว่า "ให้ผมนั่งอยู่ตรงนี้ได้ไหม นั่งอยู่ข้างๆ คุณ อยู่เป็นเพื่อนแค่นี้ก็พอแล้ว" ไม่รู้สิ ผมชอบประโยคนี้ เพราะถ้าเป็นชีวิตจริงของผมก็คงทำแบบนี้" (พอพูดเสร็จหมากก็หัวเราะก๊าก)

เรื่องนี้ต้องเล่นเป็นแฟนกับคิม ซึ่งสนิท และเคยร่วมงานกันมาแล้วแต่ก็ยังรู้สึกเขิน

           "ก็จะเขิน ๆ นิดนึง เพราะปกติเราสนิทกัน และเป็นพี่เป็นน้องกัน ก็ดีจะได้ทำงานง่ายขึ้น แต่ในละครเราต้องเล่นเป็นแฟนกัน พอเข้าฉากก็ต้องตั้งสมาธิดีๆ เวลาเราใช้สายตาของคนที่มีความรักมอง น้องคิม ก็จะเขินๆ เลยต้องตั้งสติดีๆ สนิทแล้วจะได้ทำงานกันง่ายขึ้น"

แต่ก็ชอบแซวชอบแหย่น้องคิมเรื่องความอ้วนตลอด

           "ก็ไม่ได้ซงแซวอะไรมาก อย่างบางทีน้องเขาใส่กางเกงลายงู ผมก็จะบอกว่าทำไมวันนี้งูตัวใหญ่จัง สงสัยยัดอะไรเข้าไป"

อยากฝากอะไรถึงตัวของกริชชัยกับคนดู

           "ผมว่าตัวกริชชัยเป็นผู้ชายมนุษย์คนหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นจากชีวิตจริงแล้วเอามาถ่ายทอดเป็นละครให้ทุกคนดู ผมว่าบางทีบางคำพูดบางจังหวะในชีวิตของคนเราจะมีอะไรที่โดนๆ เหมือนในละคร ถ้าดูแล้วอาจจะได้เห็นตัวเองในละครเรื่องนี้ก็ได้"


สามหนุ่มเนื้อทอง


คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ "รักแท้คือความซื่อสัตย์"

           คิม คิมเบอร์ลี่ รับบทเป็น อรุณศรี (แอ๊ว) สาวสวย เก๋ เฉี่ยว จิตใจดี มองโลกในแง่ดี และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง แม้ภายนอกจะดูเป็นสาวเปรี้ยวเช็ดฟัน แต่ลึกๆ เธอเป็นสาวหัวโบราณ รักเดียวใจเดียว รักแล้วปักใจไม่หวั่นไหวง่ายๆ หลายคนมองว่าความรักเดียวใจเดียวของเธอคือ "สิ่งที่โง่" แต่เธอคิดว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้อง"

           สำหรับตัวของ อรุณศรี เป็นความรักที่ กริชชัย มาหลงรักเราอยู่ข้างเดียวแต่เรามีแฟนอยู่แล้ว แล้วอรุณศรีเป็นคนที่รักเดียวใจเดียว เป็นคนที่เชื่อใจคนที่รักก็เลยไม่เลิกกับเขาทั้งที่เขาเป็นคนไม่ดี และเขาก็มีผู้หญิงอื่นด้วย"

ชีวิตจริงถ้าคิมมีแฟนอยู่แล้ว แต่มีคนมาแอบชอบล่ะ

           "ก็ยังไม่รู้เพราะยังไม่เคยรักใคร ก็ต้องดูด้วยเรามีใครอยู่หรือเปล่า ถ้ามีก็ต้องรักเดียวใจเดียว ก็คงคิดคล้ายๆ กับอรุณศรี แต่ก็คงไม่ดีถึงขนาดนั้น เพราะ ปรานต์ (สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล) ที่เป็นแฟนอรุณศรี พูดไม่ดี นิสัยไม่ดี แต่อรุณศรีเป็นคนใจอ่อน แต่ถ้าเป็นตัวคิมคงไม่ทน"

แต่ถ้าคิมดันไปแอบรักคนที่มีเจ้าของแล้ว

           "ก็คงไม่กล้าแม้แต่จะคิด เพราะเขามีเจ้าของอยู่แล้ว เป็นคนโรแมนติกบ้าง มีนิดนึงแต่ไม่มาก เพราะหนูเป็นคนที่เติบโตกับผู้ชาย อยู่กับพ่ออยู่กับพี่ชาย คงไม่โรแมนติกมากขนาดนั้น ต้องรอดูก่อน แต่ก็ไม่ได้ห้าวมาก"

ผู้ชายแบบไหนที่จะทำให้คิมยอม รับรักได้

           "เป็นคนที่พูดกันรู้เรื่อง ชอบคนที่จิตใจดี คิดดี ทำดี ต้องเป็นคนที่ให้เกียรติเรา เราก็จะรักกันไปเรื่อยๆ แค่นี้ก็พอแล้ว"

ถ้าให้เปรียบความรักเป็นดอกไม้

           "เปรียบเป็นดอกกุหลาบสีชมพูก็แล้วกัน เพราะดอกกุหลาบเป็นดอกไม้ที่สวยและมีกลิ่นหอม แต่ขณะเดียวก็มีหนามเล็กๆ อันแหลมคม ถ้าเราไปจับมันแรงก็อาจจะโดนบาดได้ เพราะความรักมีด้านที่สวยงาม แต่ก็มีด้านที่น่ากลัวด้วยเพราะมันมีหนามแหลมคม ถ้าเราจับไม่ดีหนามทิ่มแทงเราได้"

เรื่องนี้ได้กลับมาร่วมงานกับพี่หมากอีกครั้ง

           "พี่หมาก เคยเล่นเป็นพี่ชายคิมในเรื่อง "4 หัวใจแห่งขุนเขา" พอเรื่องนี้ได้มาเจอกันอีกก็สนิทกันอยู่แล้วไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเข้าฉากด้วยกัน แต่มีปัญหาเรื่องฉากกุ๊กกิ๊กซึ่งอาจจะต้องทำใจนิดหน่อยเพราะเราจะชอบแหย่ชอบแกล้งกัน เพราะพี่หมากไม่ค่อยมองว่าหนูเป็นคนที่เขาแอบชอบ เวลาไม่เข้าฉากด้วยกันจะมองแบบประมาณว่าหมั่นไส้ จนคิมต้องบอกพี่หมากว่า ช่วยมองคิมแบบคนรักหน่อยได้ไหมคะ ขอร้องช่วยมองหน่อย (หัวเราะร่า) พี่หมากก็ต้องพยายาม ต้องมีสมาธิเยอะ ๆ แต่ก็ผ่านไปได้นะ

           แล้วพี่หมากชอบแซวว่าคิมอ้วนด้วย ส่วน พี่บอย ก็ชอบแซวเหมือนกัน ทำให้คิมรู้สึกกดดันนิดหน่อย ก็พยายามลดอยู่ เพราะตอนไปถ่ายละคร "รักปาฏิหาริย์" ที่ออสเตรเลียกินแต่สตรอว์เบอร์รี่จิ้มช็อกโกแลตซึ่งอร่อยมาก พอกลับมาก็กินอีกเลยอ้วนขึ้น 3 กิโล ถือว่าเยอะนะก็เลยหยุดกิน และหันมาลดน้ำหนัก เพราะทั้งพี่หมาก พี่บอย พี่หนุ่ม ผู้กำกับฯ และทีมงานเรียกว่าอ้วนทำให้เราสำนึกต้องรีบลดน้ำหนัก พอมีเวลาก็จะออกกำลังกายด้วยการวิ่งและเล่นดัมเบลล์ให้แขนกระซับวันละ 1 ชั่วโมง และคุมอาหารด้วย ไม่ทานข้าวเย็นทานแต่ผลไม้ ซึ่งนี่ผ่านมา 3 เดือนเพิ่งลดได้ 2 กิโลเอง ยังเหลืออีกเยอะ เลยค่ะ ก็ต้องพยายามลดต่อไป"



สามหนุ่มเนื้อทอง


ภูภูมิ พงศ์ภาณุ "พ่อหนุ่มนักรักที่ไม่ต้องการผูกมัด"

           เคน ภูภูมิ รับบทเป็น ธีรัช หน่มุเจ้าเสน่ห์ คาสโนวา เรียกป๋า มีความหล่อเป็นอาวุธพิชิตใจสาว เป็นคนปากหวาน คุยสนุก และหยิ่งทะนงในความหล่อของตัวเอง ไม่เคยคิดจะแต่งงานหรือหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนไหน ความโสด คือ สิ่งที่หอมหวานที่สุดในชีวิต กระทั่งเขาได้มาเจอสาวแสบ อย่างลำเภา (เต้ย จรินทร์พร) หัวใจที่เคยคับแคบ และเข้มแข็ง ก็ต้องเปลี่ยนไป

           "เรื่องนี้ผมรับบทเป็นเพลย์บอยออกแนวกะล่อนๆ แต่พอมาเจอ เต้ย ซึ่งเป็นน้องของหมาก ตอนแรกก็เถียงกันด่ากันจนวันหนึ่งรู้สึกว่าชอบเขาและเกิดความประทับใจ จากคู่กัดก็เลยกลายมาเป็นคู่รัก"

คิดว่าหนุ่มเพลย์บอยจะมีรักแท้หรือเปล่า

           "มีนะ ถึงเขาจะเป็นคนกะล่อนจีบผู้หญิงไปเรื่อยๆ แต่สักวัน ถ้าเขาเจอคนที่ใช่เขาก็สามารถหยุดได้เหมือนรุ่นพี่ที่ผมรู้จักก็เป็นเพลย์บอยพอวันหนึ่งเขาก็มีแฟนเขาก็หยุดได้เลยนะ ผมว่าบางคนอาจจะมองว่าเพลย์บอยไม่มีวันรักใครจริงแต่ผมว่าไม่ อย่างที่บอกถ้าแจอคนที่แบบว่าใช่ของเขาจริงๆ เขาก็รักจริง"

ถ้าหนุ่มเพลย์บอยอย่างเคนเกิดไปเจอคนที่ใช่ล่ะ

           "ก็คงหยุดนะ จริงๆ ถ้าสักวันผมเจอคนที่ใช่"


สามหนุ่มเนื้อทอง


คนที่ใช่ของเคน สเปกต้องเป็นยังไง

           "คุยกันรู้เรื่องก็น่าจะโอเค. ส่วนสเปกรูปร่างหน้าตาไม่รู้นะ บอกไม่ถูก แต่ผมชอบคนหน้าตาน่ารักมากกว่าคนสวย ส่วนจะหมวยหรือไทยหรือลูกครึ่งแล้วแต่ แต่ถ้าเจอแล้วคุยกันแล้วเขาเข้าใจเรา โอเค. เลย"

ถามจริงๆ คิดว่าตัวเองเป็นคนเจ้าชู้ไหม

           "ดูเผินๆ อาจจะใช่ เพราะผมเป็นคนเฟรนด์ลี่คุยด้วยง่ายมากกว่า แต่ลึกๆ ไม่เจ้าชู้ครับ"

คำพูดในละครที่แทงใจเคน

           "คงเป็นคำพูดที่ ธีธัช พูดว่า "เขาไม่อยากจะแต่งงานกับผู้หญิงทั้งโลก อยากใช้ชีวิตสบายๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ มีเพื่อนเป็นผู้หญิงเยอะๆ ก็มีความสุข" คือคำพูดประโยคนี้เหมือนแบบว่าดูเป็นตัวของธีธัชเองที่เป็นแบบนี้ ส่วนอีกประโยคที่ผมชอบคือ "สักวันคนเราต้องเจอคนที่ใช่" ประโยคนี้ผมพูดเอง เพราะผมรู้สึกกว่าถ้าวันหนึ่งเขาเจอคนที่ใช่ เราก็อยากหยุดอยู่กับเขาจริงๆ"

ตัวของธีธัชที่เคนอยากสะท้อนให้กับคนดู

           "อยากบอกว่าอย่าเกลียดเขาเลย เพราะลึกๆ ด้วยนิสัย ด้วยการทำงานอาจจะทำให้ดูเป็นผู้ชายกะล่อน แต่ความจริงเขาเป็นคนน่ารักและรักแฟนมากด้วย คอยตามหึงหวงตลอด ถ้าดูไปโอเค.ตอนแรกอาจจะเกลียด แต่ตอนหลังเขาจะน่ารัก ก็อยากฝากไว้ด้วยครับ"


สามหนุ่มเนื้อทอง


จรินทร์พร จุนเกียรติ "รักคือการเดนิทาง"

           เต้ย จรินทร์พร รับบทเป็น ลำเภา (เภา) สัตวแพทย์สาวแสนมั่น หน้าเด็ก (มาก) รักสัตว์ทุกชนิด และรักศักดิ์ศรียิ่งชีพ โดยเฉพาะเรื่องของความรัก เธอ เป็นคนเข้าใจชีวิตในแบบของตัวเอง กวนแบบนิ่งๆ พูดจาตรงๆ ไม่เกรงใจใคร ทำให้หนุ่มๆ เผ่นไปในไม่กี่ประโยคสนทนา เว้นแต่ธีธัชที่หนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ดันพลั้งปากสบประมาทว่าเธอจะไม่สามารถหาแฟนได้ ต้องขึ้นคานไปตลอดชีวิต ทำให้ลำเภาแค้นประกาศจะต้องเป็นแฟนกับธีธัชให้ได้

           "เต้ยชอบตัวละครของ ลำเภา ในเรื่องนี้มากเหมือนเขาใช้ชีวิตอย่างสบายๆ มีแนวคิดเป็นของตัวเอง ก็ฉันคิดของฉันแบบนี้ใครจะทำไม ก็เราเป็นคนแบบนี้ เป็นคนตรงๆ คิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้น และเป็นคนที่มีมุมมองเรื่องความรักค่อนข้างโอเค. สมมติเขามองว่าการทำแบบนี้ไม่ถูกก็จะพูดเลย แล้วเขาเป็นผู้หญิงหัวโบราณ เรื่องความรักไม่โอเค.กับใครง่ายๆ อย่าง ธีธัช ที่เป็นผู้ชายแบบเจ้าสำราญไม่ค่อยจริงใจกับความรัก คิดว่าชาตินี้ไม่แต่งงาน ส่วนลำเภาก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่เหมือนลำเภาอยากจะแก้เผ็ดอยากจะแกล้งธีธัช ก็เลยเหมือนกับว่ามาเป็นแฟนกันโดยที่ลำเภาไม่ได้คิดอะไร แต่เหมือนอยากดัดนิสัยธีธัช"

ถ้าเต้ยเจอหนุ่มเพลย์บอยมาจีบทำไง

           "ฮือ...ก็คงดูก่อนว่าเขาดีพอจะคุยด้วยหรือเปล่า แต่ถ้าเราต้องมาเครียด มานั่งระแวงก็เป็นเพื่อนเป็นพี่ดีกว่า ไม่อยากมานั่งเครียด"

ภาพหนุ่มเพลย์บอยที่เต้ยมอง

           "น่าจะเป็นคนที่เหมือนรักความสนุก มีโลกส่วนตัว การที่เขาจะเปิดใจยอมรับใครสักคนเต้ยว่ามันยากเพราะเขาเฮฮาปาร์ตี้ในชีวิต"

เสน่ห์ของตัวละคร "ลำเภา"

           "เป็นคนร่าเริง ต๊องๆ เป็นสัตวแพทย์ รักสัตว์มากคุยกับหมากับแมวคุยกับสัตว์ได้หมด แต่ก็จะมีความยากตรงที่คาแรกเตอร์เป็นคนแบบพูดมาก บทพูดก็เลย จะยาวมากเต้ยก็จะเทคบ่อย เพราะพูดเยอะแล้วพูดผิด และบางทีเต้ยก็วางยาตัวเองด้วย อย่างในละคร เต้ยต้องเรียกพี่ชายว่า คุณกริช แต่เต้ยดันเปลี่ยนไปเรียกพี่กริชก็เลยต้องเรียกพี่กริชตลอด ช่วงแรกๆ ก็เลยจะสับสนเรียกผิดเรียกถูกก็ต้องเทค อีกอย่างที่ยากคือจะเล่นยังไงให้ดูรู้สึกว่าตัวละครตัวนี้เป็นคนสนุกและมีอารมณ์กวนๆ โดยเฉพาะกับ เคน"

ความรักครั้งแรกของเต้ย

           "อาจจะเร็วไปหน่อย เป็นความรักแบบปั๊บปี้เลิฟตอนเรียนอยู่ ม.2 เขาเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียน ก็คุยกัน เขาแอดมาในเอ็มเอสเอ็น และมีคุยกันทางโทรศัพท์ แต่พอเจอตัวจริงไม่คุยกันเลย เราคุยกันแบบนั้นเป็นปี เสร็จแล้วค่อยมาคุยกันมาเจอกัน ไปดูหนังกัน แต่ได้แค่ปีหนึ่งก็เลิกกัน ก็ไม่ได้อกหักอะไร แต่มันมีเรื่องให้ต้องแยกๆ กันไป แล้วตอนนั้นต่างคนก็ต่างโตด้วย"


สามหนุ่มเนื้อทอง


มุมมองความรักตอนนี้

           "ตอนนี้เรื่องความรักกลับไปเป็นศูนย์ ไม่อยากคิดถึงเรื่องความรักเลย ชอบอยู่คนเดียวสบายใจกว่า ไม่ต้องคิดอะไร เมื่อก่อนมีแฟนต้องอยู่ด้วยกันไปไหนไปกันติดแฟน แต่เดี๋ยวนี้ไม่คิดเรื่องนี้เลย เปลี่ยนไปมากๆ เพราะรู้สึกตัวเองโตขึ้นและมีเรื่องให้ทำเยอะขึ้น ไม่รู้สิ อาจเป็นเพราะยังไม่เจอคนที่คุยแล้วโอเค.ก็ได้ แต่ก็ไม่รีบร้อน ถ้าเจอก็เจอเอง"

ถ้าให้เต้ยเปรียบความรักเป็น

           "เป็นการเดินทาง เพราะเป็นการเดินทางที่เราไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะเจออะไรบ้าง เป็นการเดินทางที่ไม่รู้จุดหมาย เหมือนกับความรักเราไม่รู้อนาคตเราจะเจอคนไหน และจะเป็นยังไง เจอแล้ว เขาจะดีหรือเปล่าเหมือนเป็นการที่เราต้องค้นหาไปเรื่อยๆ จะเจอหรือไม่เจอเป็นอีกเรื่องหนึ่ง"







ขอขอบคุณข้แมูลจาก

ภาพยนตร์บันเทิง ปีที่ 37 วันที่ 14-27 ธันวาคม 2554 Vol.1817





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ความรักหลากหลายมุมมองของ 6 พระนางในละคร 3 หนุ่มเนื้อทอง อัปเดตล่าสุด 29 ธันวาคม 2554 เวลา 15:45:10 1,174 อ่าน
TOP