เพจโบราณนานมา เปิดข้อมูล แม่มะลิ หรือ ท้าวทองกีบม้า ในละคร พรหมลิขิต ที่นางเอกบอกว่าจบสวย ในประวัติศาสตร์เป็นอย่างไร บั้นปลายจะรุ่งโรจน์เหมือนที่บอกในละครหรือไม่ กระแสมาแรงสุด ๆ ตั้งแต่ตอนแรกตามคาด สำหรับละคร พรหมลิขิต ภาคต่อของละครสุดฮิตอย่าง บุพเพสันนิวาส เรื่องราวของ การะเกด - คุณพี่หมื่น หลังจากจบภาคแรก และมีลูกด้วยกัน ก่อนจะมาถึงเรื่องราวความรักของพระ-นางรุ่นลูก โดยได้มีการสอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในยุคนั้นมาด้วย จนเป็นที่พูดถึงอย่างมาก โดยหนึ่งในตัวละครเรื่อง พรหมลิขิต ที่อ้างอิงมาจากบุคคลจริงในประวัติศาสตร์อย่าง "แม่มะลิ" หรือ ท้าวทองกีบม้า (มารี กีมาร์) ที่รับบทโดย ซูซี่ สุษิรา ก็เป็นหนึ่งในคนที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก เพราะในเรื่องนั้น เจ้าตัวต้องตกอับอย่างมาก "พระยาวิไชเยนทร์" ถูกตัดสินโทษประหาร ทั้งโดนริบทรัพย์ สิ้นเนื้อประดาตัว และยังถูกจับไปขังในโรงม้า ขณะที่ในเรื่องนั้น หลวงสรศักดิ์ (รับบทโดย ก๊อต จิรายุ) ตั้งใจจะนำนางไปเป็นสนม มาเกลี้ยกล่อมให้ยอม แต่ "แม่มะลิ" ก็ปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าสัญญากับสามีไว้ ว่าจะมีเขาเป็นสามีเพียงคนเดียว แม้จะถูกยื่นข้อเสนอใด ๆ มา เธอก็ไม่ยอม จนทำให้ถูกข่มขู่ และคุมขังในที่สุด ซึ่งเมื่อการะเกด (เบลล่า ราณี) ถูกสามีถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าไม่ห่วงเพื่อนหรืออย่างไร นางเอกซึ่งเป็นคนจากยุคปัจจุบันและรู้ประวัติศาสตร์อยู่แล้ว จึงบอกว่า ตนเป็นห่วงแม่มะลิจริง แต่เป็นห่วงคุณพี่มากกว่า หากเข้าไปขวางจะเป็นอันตรายถึงตาย ส่วนแม่มะลินั้น ถึงแม้จะมีเคราะห์กรรมหนักจนปางตาย แต่นาง "จบสวย" งานนี้หลายคนเลยสงสัยว่า ในประวัติศาสตร์นั้น หลังจากการตายของสามี แม่มะลิ ต้องเจอเรื่องราวเคราะห์กรรมอะไรบ้าง และจะ "จบสวย" เหมือนที่นางเอกในละครบอกหรือไม่ โดยล่าสุด (18 ตุลาคม 2566) เพจดัง โบราณนานมา ก็ได้มาบอกเล่าข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ "แม่มะลิ" หรือ ท้าวทองกีบม้า (มารี กีมาร์) โดยสรุปว่า "ชีวิตตกอับ แต่จบสวย" ดังนี้ - หลังจากที่ปฏิเสธข้อเสนอของ หลวงสรศักดิ์ แม่มะลิ ก็ต้องเจอกับความทุกข์ยากลำบากมากมาย นางพยายามหาทุกวิถีทางที่จะติดต่อกับชาวฝรั่งเศส เพื่อขอออกไปจากแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา - นายพลเดฟาร์ฌที่ประจำการที่ป้อมวิไชยเยนทร์ที่บางกอก ให้สัญญากับนางว่าจะพาออกไปพ้นกรุงสยาม แต่สุดท้ายก็บิดพลิ้วต่อนาง เพราะมองว่าหากพาเธอออกไปแล้ว ชาวคริสตังที่เหลือก็จะถูกชาวสยามข่มเหง และถูกลงโทษประหาร และยังจะทำลายคลังสินค้า ทำให้กิจการค้าเสียหายอย่างใหญ่หลวง . - แม่มะลิ ถูกกักขังในหอรบและควบคุมอย่างเข้มงวด โดยทาง บาทหลวงเดอ แบซ ได้บันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวว่า "...เรายังได้ทราบต่อมาอีกถึงความทุกข์ทรมานที่เธอได้รับจากการถูกทอดทิ้งในคราวนั้น แม้กระทั่งน้ำก็ไม่มีให้ดื่ม..." หลังจากนั้นประวัติของนางก็หายไปช่วงหนึ่ง - ต่อมาเรื่องราวของ "แม่มะลิ" กลับมาปรากฏอีกครั้งว่านางได้กลับมายังกรุงศรีอยุธยา โดยมีชาวฝรั่งเศสบันทึกถึงนางว่า "...มาดามกงสต็องส์ได้ออกจากบางกอกด้วยกิริยาองอาจ ดูสีหน้ารู้สึกว่ามิได้กลัวตายเท่าใดนัก แต่มีความดูถูกพวกฝรั่งเศสมากกว่า..." - หมอเอ็งเงิลแบร์ท เค็มพ์เฟอร์ (Engelbert Kaempfer) แพทย์ชาวเยอรมัน ได้กล่าวถึงนางกับบุตรอย่างไม่แน่ใจว่า "...เจ้าเด็กน้อยกับแม่คงเที่ยวขอทานเขากินมาจนทุกวันนี้ หามีใครกล้าเกี่ยวข้องด้วยไม่...” . - เรื่องราวของมาดามฟอลคอน หรือมารีอา กียูมาร์ ปรากฏในประวัติศาสตร์อีกครั้ง โดยเธอเขียนจดหมายส่งไปยังบิชอปฝรั่งเศสในประเทศจีนเมื่อปี พ.ศ. 2259 ขอให้บาทหลวงกราบทูลพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ บังคับให้รัฐบาลฝรั่งเศสส่งส่วนแบ่งรายได้ของบริษัทฝรั่งเศสที่สามีเคยเป็นผู้อำนวยการแก่นางบ้าง และพรรณนาความทุกข์ยากลำบากของนาง - ในจดหมายดังกล่าว มีข้อความที่นางบรรยายว่า "...คงแอบพักนอนที่มุมห้องพระเครื่องต้น บนดินที่ชื้น ต้องคอยระวังเฝ้ารักษาเฝ้าห้องเครื่องต้น..." ทำให้ทราบว่านางได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานเครื่องต้นในวังแล้ว - จดหมายเหตุฝรั่งเศสโบราณ มีการบันทึกการปฏิบัติหน้าที่ในห้องเครื่องต้นของนาง ความว่า "...ภรรยา [ของนายคอนสแตนติน] เป็นท้าวทองกีบม้าได้เป็นผู้กำกับการชาวเครื่องพนักงานหวาน ท่านท้าวทองกีบม้าผู้นี้เป็นต้นสั่งสอนให้ชาวสยามทำของหวานคือขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอด ขนมทองโปร่ง ทองพลุ ขนมผิง ขนมฝรั่ง ขนมขิง ขนมไข่เต่า ขนมทองม้วน ขนมสัมปันนี ขนมหม้อแกง และสังขยา..." - ในบันทึกของเมอซีเยอโชมง ชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาในปี พ.ศ. 2262-2267 ให้ข้อมูลว่า หลังสิ้นรัชกาลพระเจ้าเสือ (หลวงสรศักดิ์) ชีวิตของมาดามฟอลคอนได้กลับมาดีขึ้นโดยลำดับ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระทรงโปรดเกล้าให้มาดามฟอลคอนเข้ามารับราชการฝ่ายใน โดยไว้วางพระราชหฤทัยให้นางดูแลเครื่องเงินเครื่องทองของหลวง และเป็นหัวหน้าเก็บพระภูษาฉลองพระองค์ และมีสตรีในบังคับบัญชากว่า 2,000 คน - ท้าวทองกีบม้าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต คืนเงินสู่ท้องพระคลังปีละครั้งมาก ๆ ทุกปี จนเป็นที่โปรดปรานในองค์พระมหากษัตริย์ รวมทั้งจอร์จ บุตรชายของเธอที่ยังมีชีวิตอยู่ ด้วยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระทรงโปรดไว้ใกล้ชิดพระองค์ ดังปรากฏจากบันทึกของเมอซีเยอโชมง ความว่า "...พระเจ้ากรุงสยามได้รับสั่งให้หาจอร์จ บุตรของเมอซีเยอกงส์ต็องส์ แล้วโปรดให้แต่งตัวอย่างดี ๆ และรับสั่งให้นายจอร์จเรียนภาษาไทยเสียให้รู้ ได้โปรดให้เอานายจอร์จไว้ใช้ใกล้ชิดพระองค์ และได้โปรดเป็นครูด้วยพระองค์เอง สอนภาษาไทยให้แก่นายจอร์จ...” - ส่วนบุตรคนเล็กคือ คอนสแตนติน ได้สนองพระเดชพระคุณสร้างออร์แกนเยอรมันถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ จากหลักฐานของมิชชันนารีฝรั่งเศส คอนสแตนตินถูกเรียกว่า ราชมนตรี เป็นตำแหน่งผู้นำของชุมชนคริสตัง - ในปี พ.ศ. 2260 รัฐบาลฝรั่งเศสได้มีมติอนุมัติให้ส่งเงินรายได้ที่เป็นของฟอลคอนแก่นางตามที่นางขอร้องในจดหมายที่เคยส่งไปมาให้ โดยหลังพ้นจากวิบากกรรมอันเลวร้าย ท้าวทองกีบม้า ได้ใช้เวลาแห่งบั้นปลายชีวิตที่เหลือด้วยการปฏิบัติศาสนกิจอย่างเคร่งครัด โดยพำนักอยู่กับลูกสะใภ้ที่ชื่อ ลุยซา ปัสซัญญา (Louisa Passagna) ภริยาม่ายของคอนสแตนติน และได้ถึงแก่มรณกรรมในปี พ.ศ. 2265
แสดงความคิดเห็น