เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวสุดเข้มข้น ที่สอดแทรกมาในความโรแมนติก-คอมเมดี้ ของละคร พรหมลิขิต สำหรับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในยุคของ พระเจ้าท้ายสระ หรือ "ขุนหลวงท้ายสระ" ที่มีกรณีพระญาติอย่าง "เจ้าพระองค์ดำ" คิดก่อการกบฏ สังหารพระองค์เพื่อชิงบัลลังก์ให้แก่ "เจ้าฟ้าพร" พระอนุชา เนื่องจากไม่พอใจที่เจ้าฟ้าพรผู้เป็นลูกเขยมอบบัลลังก์ให้กับพี่ชายตั้งแต่แรก เพราะตนเองอยากจะเป็นใหญ่ เป็นพ่อตาของขุนหลวงนั่นเอง
อย่างไรก็ดี ได้เกิดข้อสงสัยขึ้นมาว่า เจ้าฟ้าพร ได้มีใจคิดอยากชิงบัลลังก์หรือไม่ แม้เจ้าตัวจะยืนยันว่าไม่มีใจคิดแย่งบัลลังก์มาจากพี่ชาย แต่ก็ดูเหมือนจะมีความแคลงใจกันอยู่ อีกทั้งนักแสดงที่รับบท "เจ้าฟ้าพร" ยังเป็นระดับพระเอกอย่าง เด่นคุณ งามเนตร อีกด้วย ทำให้เกิดคำถามว่า แล้วในประวัติศาสตร์เรื่องนี้ลงเอยอย่างไร เกิดอะไรขึ้น แล้วสุดท้าย "เจ้าฟ้าพร" ได้ครองบัลลังก์หรือไม่ อย่างไร
ประวัติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ยุคทองของอยุธยา กับศิลปวัฒนธรรมที่เฟื่องฟู
โดยทางเพจ Thai Culture & Thai Travel ได้เรียบเรียงข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ "เจ้าฟ้าพร" ไว้ดังนี้
"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ" หรือ "สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชที่ 2" มีพระนามเดิมว่า "เจ้าฟ้าพร" เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 31 แห่งอาณาจักรอยุธยา และเป็นพระองค์ที่ 4 ในราชวงศ์บ้านพลูหลวง ทรงเสด็จพระราชสมภพเมื่อปี พ.ศ. 2223 ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) มีพระเชษฐา คือ เจ้าฟ้าเพชร (พระเจ้าท้ายสระ) พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นกรมพระราชวังบวรฯ ในสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 (พระเจ้าท้ายสระ)
หลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 (พระเจ้าท้ายสระ) เกิดการสู้รบกันระหว่างพระองค์กับพระราชโอรสของพระเจ้าท้ายสระ คือ เจ้าฟ้าอภัย และเจ้าฟ้าปรเมศร์ อันเนื่องมาจากพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศในขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศที่กรมพระราชวังบวรฯ มีสิทธิขึ้นครองราชย์ต่อจากพระเชษฐาอย่างถูกต้อง แต่เมื่อพระเจ้าท้ายสระใกล้สวรรคต กลับตัดสินพระทัยยกราชสมบัติให้แก่เจ้าฟ้านเรนทร พระราชโอรสพระองค์ใหญ่
แต่เจ้าฟ้านเรนทรไม่รับสืบราชสมบัติเพราะเห็นว่ามีกรมพระราชวังบวรฯ ซึ่งสมควรได้สืบราชสมบัติมากกว่า พระเจ้าท้ายสระจึงยกราชสมบัติให้แก่เจ้าฟ้าอภัย (พระราชโอรสองค์รอง) เป็นเหตุให้เกิดการต่อสู้แย่งชิงราชบัลลังก์จนกลายเป็นสงครามกลางเมืองกินระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี