กำลังเข้มข้นกันเลยทีเดียว กับละครเรื่อง พรหมลิขิต ที่ทำคนติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง จนหลายคนเชียร์ให้ รอมแพง นักเขียนจากเรื่องนี้ ออกภาค 3 มาเร็ว ๆ
ทั้งนี้ กรุงเทพธุรกิจ ได้เผยบทสัมภาษณ์ของรอมแพง ที่ไปร่วมเสวนาในหัวข้อ จากบุพเพสันนิวาสสู่พรหมลิขิต พลังแห่งวรรณกรรมสู่ซอฟต์พาวเวอร์ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ที่หอสมุดแห่งชาติ
ทั้งนี้ รอมแพง ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะทำภาค 3 ว่า ภาค 3 เป็นไปได้ว่าจะมี แต่น่าจะทำเป็นละครได้ยากเพราะเป็นเรื่องราว 6 ภพ 6 ชาติ และต้องใช้ชื่อว่า ภพชาติ เพราะไม่ใช่เพียงแค่ประวัติศาสตร์ไทย แต่จะมีประวัติศาสตร์ยุโรปกลาง และมีเรื่องของการผูกเวรผูกกรรมกันมา ทำเป็นละครจะยากมาก หากจะขายอาจจะต้องเป็นงานฮอลลีวูดเท่านั้น
รอมแพงกล่าวเสริมอีกว่า ตนมีความตั้งใจว่า เขียนเสร็จแล้วจะขายเป็นนิยาย และจะเอาไว้แจกในงานศพของตัวเอง ถ้าไม่ตายซะก่อนก็คงเขียนจบตามที่ตั้งใจ ส่วนเรื่องราวจะเป็นในเรื่องศาสนา การเวียนว่ายตายเกิด มีประวัติศาสตร์และตำนานยุโรปมาเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า ทำไมภาค 2 ถึงไม่เหมือนภาคแรก ที่เน้นประวัติศาสตร์มากกว่า รอมแพงบอกว่า ที่ภาคแรกเน้นประวัติศาสตร์ เพราะช่วงนั้นประวัติศาสตร์เยอะ แต่พรหมลิขิตจะใช้ช่วงเวลาตั้งแต่พระนารายณ์มหาราชสิ้นพระชนม์จนถึง 20 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่พระเอกอายุ 20 ปี เหมาะที่จะแต่งงานกับนางเอก และอีก 20 ต่อมาจะเป็นช่วงผลัดแผ่นดินพระเจ้าท้ายสระพอดี จึงใช้ประวัติศาสตร์เป็นไทม์ไลน์และแทรกนิยายในจินตนาการเข้าไป ซึ่งในบุพเพสันนิวาส จะพูดถึงขุนนางซะส่วนใหญ่ แต่ในพรหมลิขิต จะใช้ชนชั้นไพร่ ทาส นำเสนอมาก แต่ถ้าเล่นเอาความเป็นจริงมันจะเป็นเรื่องดราม่า เราอยากให้มันเป็นโรแมนติก คอมเมดี้ เลยเป็นอย่างที่เห็น
ภาพจาก เฟซบุ๊ก รอมแพง