ย้อนรู้จักตัวละครจาก บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิต ที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์

          เรียนรู้เรื่องราวแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผ่านตัวละครใน บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิต ที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์

          ถ้าใครได้ชมละครพีเรียดย้อนยุคเรื่อง บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิต เชื่อว่าต้องรู้สึกคุ้นหูกับชื่อตัวละครบางตัวเป็นแน่แท้ เพราะเคยได้ยินชื่อมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถม และยิ่งเห็นแม่หญิงการะเกดทำท่าทางดีอกดีใจเมื่อได้เจอบุคคลเหล่านั้น ก็ยิ่งชวนให้คนดูอยากรู้ตามไปด้วยว่า บุคคลเหล่านั้นมีความสำคัญอย่างไรในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศไทย

          กระปุกดอทคอม จึงอยากพาแฟนละครทุกคนย้อนกลับไปในแผ่นดินสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา เพื่อรู้จักกับตัวละครในละคร บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิต ที่มีตัวตนจริง เพื่อที่เราจะได้เข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้น และยังช่วยให้ชมละครได้อย่างมีอรรถรสมากขึ้นด้วย

ขุนศรีวิสารวาจา หรือ หมื่นสุนทรเทวา : คณะทูตที่เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีที่ฝรั่งเศส

บุพเพสันนิวาส

          พ่อเดช หรือพี่หมื่นของแม่การะเกด พระเอกของเรื่องที่รับบทโดย โป๊ป ธนวรรธน์ คือบุคคลหนึ่งที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ โดยเป็นบุตรชายของออกญาโหราธิบดี หรือพระโหราธิบดี พระมหาราชครูของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีพี่ชายคือ ศรีปราชญ์ กวีเอกคนสำคัญของไทย ซึ่งในละครช่วงแรก ๆ เราจะยังไม่ได้เห็นศรีปราชญ์ เพราะตามท้องเรื่อง ศรีปราชญ์ได้ถูกเนรเทศไปยังเมืองนครศรีธรรมราชแล้ว

          หมื่นสุนทรเทวา ภายหลังได้อวยยศเป็นขุนศรีวิสารวาจา ก่อนที่ในปี พ.ศ. 2229 จะได้รับเลือกให้เป็นตรีทูต 1 ใน 3 ของคณะทูตจากกรุงศรีอยุธยาเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งประเทศฝรั่งเศส
 
ออกญาโหราธิบดี หรือ พระโหราธิบดี : ผู้ประพันธ์หนังสือจินดามณี แบบเรียนเล่มแรกของไทย

บุพเพสันนิวาส

          พ่อของพระเอกอย่างออกญาโหราธิบดี ที่รับบทโดยนักแสดงรุ่นใหญ่ หนิง นิรุตติ์ เป็นพระมหาราชครูของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และเป็นบุคคลสำคัญของวงการแต่งหนังสือเลยทีเดียว เพราะท่านเป็นผู้ประพันธ์หนังสือ "จินดามณี" เมื่อปี พ.ศ. 2215 ซึ่งถือเป็นหนังสือแบบเรียนเล่มแรกของไทยที่มีเนื้อหาครอบคลุมสระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ จึงกลายมาเป็นต้นแบบของแบบเรียนในปัจจุบัน และยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของแบบเรียนไทย ทำให้หนังสือแบบเรียนไทยในยุคต่อมาหลายเล่มใช้ชื่อตามว่า "จินดามณี" อาทิ จินดามณีฉบับความแปลก จินดามณีครั้งแผ่นดินพระเจ้าบรมโกศ ฯลฯ

          ทั้งนี้ พระโหราธิบดี เป็นผู้ที่ทำนายทายทักได้อย่างแม่นยำ โดยเคยทายจำนวนหนู (สัตว์) ที่พระเจ้าปราสาททองครอบไว้อย่างถูกต้อง และเคยทายว่าไฟจะไหม้ในพระราชวังใน 3 วัน พระเจ้าปราสาททองทรงเชื่อจึงเสด็จพระราชดำเนินไปอยู่นอกวัง ต่อมาได้เกิดเหตุฟ้าผ่าถูกหลังคาพระมหาปราสาททำให้เกิดไฟไหม้ลามไปดังคำทำนาย

ศรีปราชญ์ : กวีเอกชื่อดังแห่งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

บุพเพสันนิวาส

          กวีเอกชื่อดังของไทยในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ในละครรับบทโดย ณฐณพ ชื่นหิรัญ) เป็นบุตรของพระโหราธิบดี และเป็นพี่ชายของขุนศรีวิสารวาจา มีความเชี่ยวชาญด้านโคลง กลอน มาตั้งแต่เด็ก ๆ โดยเคยต่อโคลงของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้เป็นที่ถูกพระราชหฤทัยตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ภายหลังจึงได้เข้ารับราชการ

          แต่เพราะความสามารถที่เก่งกาจเกินหน้าเกินตา ทำให้มีคนคิดปองร้าย ใส่ร้ายศรีปราชญ์ จึงถูกสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเนรเทศไปยังเมืองนครศรีธรรมราชแทนการประหาร เนื่องด้วยพระโหราธิบดีเคยขอชีวิตไว้ตั้งแต่ก่อนศรีปราชญ์เข้ารับราชการ เนื่องจากล่วงรู้ดวงชะตาว่าหากศรีปราชญ์เข้ารับราชการเมื่อไร จะยิ่งมีอายุสั้น

          อย่างไรก็ดี ที่นครศรีธรรมราช ศรีปราชญ์ก็ยังได้แสดงทักษะด้านกวีให้เป็นที่ประจักษ์ และเป็นที่พอใจของเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช จึงทำให้มีคนไม่พอใจศรีปราชญ์อีกเช่นกัน แต่คราวนี้ได้ใส่ร้ายว่าศรีปราชญ์ลักลอบเป็นชู้กับภริยาของพระยานครศรีธรรมราช จึงต้องโทษประหารชีวิต แต่ก่อนที่เพชฌฆาตจะลงดาบประหารนั้น ศรีปราชญ์ได้ขออนุญาตเขียนโคลงบทสุดท้ายไว้กับพื้นธรณีว่า

          ธรณีนี่นี้                เป็นพยาน
          เราก็ศิษย์มีอาจารย์   หนึ่งบ้าง
          เราผิดท่านประหาร    เราชอบ
          เราบ่ผิดท่านมล้าง    ดาบนี้คืนสนอง ฯ

          ข่าวการถูกประหารของศรีปราชญ์แพร่ไปถึงพระกรรณของสมเด็จพระนารายณ์ จึงพิโรธเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชที่กระทำโดยพลการ พระองค์จึงรับสั่งให้นำดาบที่ใช้ประหารศรีปราชญ์มาประหารชีวิตเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชให้ตายตกไปตามกันดังคำว่า "ดาบนี้คืนสนอง"

          - เจาะเรื่องราว ศรีปราชญ์ กวีเอกผู้ถูกเนรเทศ พี่ชายพระเอกใน บุพเพสันนิวาส

เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) : นักรบคู่พระราชหฤทัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

บุพเพสันนิวาส

          เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) หรือ โกษาเหล็ก (รับบทโดย สุรศักดิ์ ชัยอรรถ) ขุนนางคนสำคัญในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เป็นบุตรชายคนโตของเจ้าแม่วัดดุสิต พระนมในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ท่านมีความเฉลียวฉลาดและเชี่ยวชาญการรบตามหลักพิชัยสงคราม จึงเป็นแม่ทัพคนสำคัญที่ออกไปรับมือกับพม่าจนได้รับชัยชนะมาหลายครา เปรียบเสมือนเป็นนักรบคู่ใจของสมเด็จพระนารายณ์ จนเรียกกันทั่วไปว่า "ขุนเหล็ก" และได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากสมเด็จพระนารายณ์เป็นอย่างยิ่ง เปรียบเสมือนพระสหายสนิท หรือพี่น้องแท้ ๆ ของพระองค์ก็มิปาน

          ทว่าในช่วงบั้นปลายชีวิต สมเด็จพระนารายณ์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างป้อมปราการขึ้นในพระนคร ซึ่งต้องมีการเกณฑ์ผู้คนไปก่อสร้าง แต่บางคนไม่อยากทำงาน จึงนำเงินมาให้พระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) ท่านจึงกราบบังคมทูลต่อสมเด็จพระนารายณ์ว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องสร้างป้อมปราการ ทำให้สมเด็จพระนารายณ์สั่งเฆี่ยนจนถึงแก่อสัญกรรมในปี พ.ศ. 2226 ขณะเดียวกันก็มีหลักฐานอีกด้าน ระบุว่า ท่านถูกลงโทษเพราะถูกวางแผนใส่ร้ายโดยฟอลคอนนั่นเอง

          - เปิดเรื่องราว โกษาเหล็ก บุคคลในประวัติศาสตร์ ผู้มีบทบาทใน บุพเพสันนิวาส
          - ส่องประวัติศาสตร์ คำสั่งเสียสุดท้ายของ โกษาเหล็ก ถึง ฟอลคอน แม้โดนหักหลัง

ออกพระวิสุทธสุนทร/เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) : ต้นราชวงศ์จักรีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

บุพเพสันนิวาส

          พระยาโกษาธิบดี (ปาน) หรือ โกษาปาน (รับบทโดย ชาติชาย งามสรรพ์) น้องของพระยาโกษาเหล็ก ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากสมเด็จพระนารายณ์ไม่แพ้พี่ชายตั้งแต่ครั้งดำรงตำแหน่งออกพระวิสุทธสุนทร โดยได้รับแต่งตั้งให้เป็นราชทูตไทยออกไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. 2228 และได้เข้าเฝ้าฯ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ณ พระราชวังแวร์ซาย นับเป็นราชทูตไทยคนแรกที่ได้เดินทางออกจากแผ่นดินไทยไปสู่แผ่นดินต่างประเทศ

          ทั้งนี้ พระยาโกษาธิบดี (ปาน) เป็นนักการทูตที่สุขุม สง่างาม มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด จึงยังเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เช่นกัน การเจริญสัมพันธไมตรีครั้งนั้นได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศสแน่นแฟ้นขึ้น และรอดพ้นจากการคุกคามของฮอลันดา

          อย่างไรก็ตาม ในปลายสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ กลุ่มขุนนางนำโดย พระเพทราชา เกิดความรู้สึกต่อต้านชาวต่างชาติโดยเฉพาะฝรั่งเศส กระทั่งพระเพทราชาขึ้นครองราชย์ พระยาโกษาธิบดี (ปาน) ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เจรจากับนายพลฝรั่งเศสที่คุมป้อมอยู่ที่เมืองบางกอก ให้ถอนทหารออกไปจากอาณาจักรไทยได้สำเร็จ และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพระยาโกษาธิบดี

          ทว่าด้วยความที่เป็นคนซื่อตรง ซื่อสัตย์ต่อสมเด็จพระนารายณ์ เมื่อท่านเห็นว่าพระเพทราชากระทำการไม่สมควร จึงได้กราบทูลทัดทาน แต่ก็เป็นเหตุให้ต้องพระราชอาญา ถูกริบทรัพย์ ถูกนำตัวเอาไปเฆี่ยนตีและทรมานอยู่บ่อยครั้ง จนในที่สุดก็ถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัยเพียง 40 ปี เท่านั้น และเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกพ่ายเสียกรุงแก่พม่าเป็นครั้งที่ 2 ครอบครัวของท่านก็อพยพกันไปอยู่คนละทิศคนละทาง โดยคุณทองดี หลานปู่ของพระยาโกษาปาน ได้ไปอยู่กับเจ้าพระยาพิษณุโลก ก่อนที่ภายหลังได้รับแต่งตั้งเป็นพระยาจักรีศรีองครักษ์ ซึ่งท่านผู้นี้ก็คือพระราชบิดาของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

          - สืบเรื่องราว โกษาปาน ที่คุณอาจไม่รู้ จากขุนนางนักการทูต สู่เทียดในรัชกาลที่ 1
          - ย้อนประวัติ โกษาปาน นักการทูตแห่งอยุธยา ผู้นำคณะเข้าเฝ้าฯ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช : พระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ปราสาททอง

บุพเพสันนิวาส

          สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (รับบทโดย ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง) หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสรรเพชญ์ เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 27 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และเป็นลำดับที่ 4 ของราชวงศ์ปราสาททอง ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าปราสาททองกับพระนางศิริธิดา เสด็จพระบรมราชสมภพ เมื่อปี พ.ศ. 2175 ขึ้นครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา เมื่อปี พ.ศ. 2199 ขณะมีพระชนมพรรษา 25 พรรษา

          แม้ในรัชสมัยของพระองค์จะมีศึกสงครามอยู่มาก โดยเฉพาะการทำศึกกับเมืองเชียงใหม่ และหัวเมืองพม่าหลายแห่ง แต่ก็เป็นยุคที่การค้าและการทูตกับประเทศต่าง ๆ รุ่งเรืองอย่างยิ่ง โดยมีพระราโชบายคบค้าสมาคมกับชาวต่างประเทศ เพื่อรักษาเอกราชของชาติให้พ้นจากการเบียดเบียนของชาวต่างชาติและรับผลประโยชน์ทั้งทางวิทยาการและเศรษฐกิจที่ชนต่างชาตินำเข้ามา ดังนั้น ในยุคสมัยของพระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้งคณะทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักฝรั่งเศสในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ถึง 4 ครั้ง

บุพเพสันนิวาส
ภาพจาก Paisan579 / Shutterstock.com

          สมเด็จพระนารายณ์ยังได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองละโว้ หรือ ลพบุรี ขึ้นเป็นราชธานีแห่งที่ 2 หรือเป็นเมืองหลวงสำรองไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวฮอลันดาเข้ามาข่มเหงไทยอีก เพราะก่อนหน้านี้ ชาวฮอลันดาเคยส่งเรือรบมาปิดปากแม่น้ำเจ้าพระยาและขู่จะยิง ทำให้ไทยต้องยอมทำสัญญายกประโยชน์การค้าให้ตามที่ต้องการ

          นอกจากเรื่องการค้า การทูตแล้ว พระองค์ยังสนพระราชหฤทัยเรื่องวรรณกรรม ทำให้รัชสมัยของพระองค์เป็นยุคที่มีกวีเลื่องชื่อหลายคน เช่น พระโหราธิบดี ผู้ประพันธ์หนังสือจินดามณี แบบเรียนเล่มแรกของไทย และตอนหนึ่งของเรื่องสมุทรโฆษคำฉันท์ ส่วนอีกตอนหนึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระนารายณ์เอง รวมทั้งศรีปราชญ์ บุตรของพระโหราธิบดี ที่มีผลงานชิ้นเอกคือ หนังสือกำสรวลศรีปราชญ์ และอนิรุทธคำฉันท์ ด้วยพระปรีชาสามารถดังที่กล่าวไป พระองค์จึงได้รับการถวายพระเกียรติเป็น "มหาราช"

          พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี ทรงครองราชสมบัติเป็นเวลา 32 ปี มีพระชนมพรรษา 56 พรรษา ทั้งนี้ ไม่ทรงมีพระราชโอรสที่ประสูติแด่พระอัครมเหสี แต่เป็นที่เล่าลือกันว่าทรงมีพระโอรสลับที่เกิดจากพระสนม

สมเด็จพระเพทราชา : ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์บ้านพลูหลวง

บุพเพสันนิวาส

          สมเด็จพระเพทราชา (รับบทโดย ศรุต วิจิตรานนท์) เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 28 ของกรุงศรีอยุธยา และเป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์บ้านพลูหลวง ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา ทรงเป็นพระสหายที่ถูกเลี้ยงดูควบคู่มากับสมเด็จพระนารายณ์ตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะพระมารดาของพระองค์เป็นพระนมในสมเด็จพระนารายณ์ ภายหลังได้รับราชการเป็นจางวางกรมช้าง แต่ด้วยมีความดีความชอบในการทำสงคราม จึงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากสมเด็จพระนารายณ์ให้รับใช้ใกล้ชิด จนมีบรรดาศักดิ์เป็นพระเพทราชา ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมพระคชบาล ซึ่งมีอำนาจค่อนข้างมากในเวลานั้น อีกทั้งพระขนิษฐายังเป็นพระสนมเอกในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

บุพเพสันนิวาส

          ต่อมาสมเด็จพระนารายณ์ประชวร จึงมอบหมายให้พระเพทราชาซึ่งเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ว่าราชการแทน ระหว่างนั้น พระองค์ได้ลวงเจ้าฟ้าอภัยทศ, เจ้าฟ้าน้อย พระอนุชา 2 พระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์ และพระปีย์ พระราชโอรสบุญธรรม ซึ่งมีสิทธิ์สืบราชสมบัติไปสำเร็จโทษ (อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลอีกด้านหนึ่งระบุว่า จริง ๆ แล้วสมเด็จพระเพทราชาปรารถนาจะให้เจ้าฟ้าอภัยทศหรือเจ้าฟ้าน้อยขึ้นครองราชย์ต่อด้วยสิทธิ์โดยประเพณี แต่หลวงสรศักดิ์เป็นผู้ลวงไปสำเร็จโทษโดยพลการเอง)

          นอกจากนี้ ยังสั่งประหารเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ขุนนางชาวกรีกคนโปรดของสมเด็จพระนารายณ์ เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ทรงทราบ อาการประชวรก็หนักขึ้นและสวรรคตในเวลาต่อมา สมเด็จพระเพทราชาจึงได้ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์แทน พร้อมกับทรงสถาปนาราชวงศ์บ้านพลูหลวง อันเป็นราชวงศ์ที่ 5 และเป็นราชวงศ์สุดท้ายของอยุธยา


          สมเด็จพระเพทราชาทรงไม่พอพระราชหฤทัยที่มีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่ในกรุงศรีอยุธยามากมายตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ จึงได้ขับไล่ทหารฝรั่งเศสให้ออกไปจากกรุงศรีอยุธยา ทำให้ความสัมพันธ์ของกรุงศรีอยุธยากับฝรั่งเศสสิ้นสุดลงตั้งแต่นั้นมา พระองค์ทรงครองราชย์ได้ 15 ปี ก็เสด็จสวรรคต เมื่อปี พ.ศ. 2246 สิริพระชนมพรรษา 71 พรรษา

          - พระเพทราชา ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ "บ้านพลูหลวง" ผู้มอบความตายให้ฟอลคอน

หลวงสุรสาคร/คอนสแตนติน ฟอลคอน/ออกญาวิชาเยนทร์ : ชาวตะวันตกคนแรกที่รับราชการในกรุงศรีอยุธยา

บุพเพสันนิวาส

          หลวงสุรสาคร (รับบทโดย หลุยส์ สก๊อตต์) เดิมเป็นพ่อค้าชาวกรีกและเวนิสที่ทำงานให้กับบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ กระทั่งล่องเรือสินค้ามายังกรุงศรีอยุธยา มีความสามารถพูดได้หลายภาษา และได้เรียนรู้ภาษาไทยจนคล่องแคล่ว จึงมีโอกาสเข้ารับราชการเป็นล่ามในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ นับเป็นชาวตะวันตกคนแรกที่ได้เข้ามารับราชการในสมัยอยุธยา

          ด้วยเพราะเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระนารายณ์จึงได้เลื่อนบรรดาศักดิ์อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นสมุหเสนา ออกญาวิชาเยนทร์ ซึ่งก็สร้างความไม่พอพระราชหฤทัยให้พระเพทราชาที่มีนโยบายต่อต้านชาวต่างชาติอยู่แล้ว จนเมื่อสมเด็จพระนารายณ์ประชวร พระเพทราชาจึงใช้ข้ออ้างที่ว่าออกญาวิชาเยนทร์ต้องการใช้องค์รัชทายาทเป็นหุ่นเชิดเข้ามาปกครองกรุงศรีอยุธยาเสียเอง จับตัวออกญาวิชาเยนทร์ไปประหารชีวิต แม้สมเด็จพระนารายณ์จะกริ้วก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะประชวรหนัก กระทั่งสวรรคตในเวลาต่อมา

          ออกญาวิชาเยนทร์ เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2231 ในวัย 40 ปี ชีวิตส่วนตัวได้แต่งงานกับมารี กีมาร์ หรือ ท้าวทองกีบม้า ผู้ประดิษฐ์ขนมไทย มีบุตรด้วยกัน 2 คน

          - เปิดลายเซ็น คอนสแตนติน ฟอลคอน ของจริง ที่ปรากฏในจดหมาย ที่คุณอาจยังไม่เห็น

มารี กีมาร์/ท้าวทองกีบม้า : ราชินีแห่งขนมไทย

บุพเพสันนิวาส

          มารีอา กูโยมาร์ เด ปิญญา หรือ มารี กีมาร์ หรือ ตองกีมาร์ (รับบทโดย สุษิรา แน่นหนา) เป็นคนเชื้อสายโปรตุเกส เบงกอล และญี่ปุ่น เป็นผู้ที่เคร่งครัดในศาสนาเป็นอย่างมาก เมื่ออายุ 16 ปี ได้แต่งงานกับคอนสแตนติน ฟอลคอน ขุนนางชาวกรีกที่เป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งเขาก็ได้ยอมละนิกายแองกลิคันที่ตนเองนับถือ แล้วเปลี่ยนมานับถือคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกตามมารีแทน เพื่อแสดงความจริงใจ ทว่าชีวิตสมรสไม่ค่อยราบรื่นนัก เพราะความเจ้าชู้ของฟอลคอน

          กระทั่งเข้าสู่ช่วงชีวิตตกอับ เมื่อฟอลคอนถูกประหารชีวิตและถูกริบราชบาตรก่อนสิ้นรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ ทำให้มารีกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว และถูกจับขังในโรงม้า ต่อมาถูกนำตัวไปเป็นคนใช้ในวัง มารีพยายามทำทุกวิถีทางที่จะติดต่อกับชาวฝรั่งเศสเพื่อขอออกไปจากกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่สำเร็จ ซ้ำยังถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ก่อนที่ประวัติของนางจะหายไปช่วงหนึ่ง

          และมาปรากฏชื่ออีกครั้งในอีกหลายปีให้หลังในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ เมื่อมารีได้เป็นพนักงานเครื่องต้นในวัง และได้สอนให้ชาวสยามทำของหวาน เช่น ขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมขิง ขนมไข่เต่า ทองม้วน สังขยา หม้อแกง ลูกชุบ ฯลฯ โดยดัดแปลงมาจากอาหารโปรตุเกส มารีได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้ดูแลเครื่องเงินเครื่องทองของหลวง และเป็นหัวหน้าเก็บพระภูษาฉลองพระองค์ จนเป็นที่โปรดปราน และได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสงบในบั้นปลายชีวิต

          สำหรับชื่อท้าวทองกีบม้านั้น ก็มาจากชื่อ ตองกีมาร์ ของนางนั่นเอง

          - เปิดเรื่องราว ท้าวทองกีบม้า กับเส้นทางชีวิตที่ดราม่ากว่าใน #บุพเพสันนิวาส
          - ท้าวทองกีบม้า ตกที่นั่งลำบาก หลังฟอลคอนถูกประหาร - ไม่รับรักหลวงสรศักดิ์

หลวงสรศักดิ์/กรมพระราชวังบวร/พระเจ้าเสือ

บุพเพสันนิวาส

          หลวงสรศักดิ์ (รับบทโดย จิรายุ ตันตระกูล) มีชื่อเดิมว่า "เดื่อ" เนื่องจากประสูติใต้ต้นมะเดื่อ ซึ่งภายหลังได้ขึ้นครองราชย์มีพระนามว่า สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือ พระเจ้าเสือ พระมหากษัตริย์ องค์ที่ 29 ของกรุงศรีอยุธยา และพระองค์ที่ 2 ของราชวงศ์บ้านพลูหลวง เรื่องพระชาติกำเนิดนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด โดยสันนิษฐานกันว่า พระองค์น่าจะเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กับพระสนมลับองค์หนึ่ง แต่ภายหลังสมเด็จพระนารายณ์พระราชทานให้พระเพทราชาเลี้ยงดู ต่อมาได้เข้ารับราชการมีตำแหน่งเป็นหลวงสรศักดิ์ และช่วยพระเพทราชาขึ้นมายึดอำนาจจากสมเด็จพระนารายณ์ กระทั่งสมเด็จพระเพทราชาสวรรคต พระองค์ในตำแหน่งพระมหาอุปราช จึงได้ขึ้นครองราชสมบัติ มีพระนามว่า สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8


          สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 มีพระสมัญญานามว่า "เสือ" ตั้งแต่รับราชการในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เพราะทรงมีพระอุปนิสัยเด็ดขาด ชอบการล่าสัตว์ ผู้คนจึงเปรียบว่าทรงร้ายดังเสือ จึงออกพระนามว่า "พระเจ้าเสือ" ทรงครองราชย์ได้ 5 ปี (พ.ศ. 2246-2251) จึงเสด็จสวรรคต ขณะมีพระชนมพรรษา 47 พรรษา

          - เปิดประวัติ หลวงสรศักดิ์ (พระเจ้าเสือ) พระมหากษัตริย์ผู้คิดท่าแม่ไม้มวยไทย

หลวงศรียศ/ออกญาจุฬาราชมนตรี (แก้ว)

บุพเพสันนิวาส

          หลวงศรียศ (รับบทโดย วิศววิท วงษ์วรรณลภย์) ชาวไทยเชื้อสายเปอร์เซีย มีศักดิ์เป็นหลานตาของเจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) ปฐมจุฬาราชมนตรีคนแรกในสยามและเป็นต้นสกุลบุนนาค เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จนได้บรรดาศักดิ์เป็นหลวงศรียศ (แก้ว) ก่อนที่จะรับการแต่งตั้งเป็นจุฬาราชมนตรีจนถึงสมัยสมเด็จพระเพทราชา

          - ประวัติ หลวงศรียศ ชาวสยามเชื้อสายเปอร์เซีย ตัวละครที่มีชีวิตจริงในบุพเพสันนิวาส

พระปีย์

บุพเพสันนิวาส

          พระปีย์ (รับบทโดย เก่ง ธชย) เป็นพระราชโอรสบุญธรรมในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (แต่ก็มีการโจษจันว่าอาจเป็นพระโอรสลับของสมเด็จพระนารายณ์) ด้วยมีร่างกายพิการ หลังค่อม สมเด็จพระนารายณ์จึงเรียกว่า อ้ายเตี้ย และเป็นที่โปรดปราน เพราะพระปีย์พูดจาไพเราะอ่อนหวาน มีสำนวนโวหารดี แต่พระปีย์มักตกเป็นหุ่นเชิดทางการเมืองอยู่บ่อยครั้ง ทั้งจากเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ที่สนับสนุนให้พระปีย์เป็นรัชทายาท เนื่องจากพระปีย์ได้เข้ารีตเป็นคริสเตียนและดูเป็นคนไม่มีพิษมีภัย หรือครั้งที่แขกมักกะสันคิดจะลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระนารายณ์ ก็คิดจะเลือกพระปีย์ให้ขึ้นครองราชย์แทน

          อย่างไรก็ตาม หลังจากสมเด็จพระนารายณ์ประชวรหนัก พระปีย์ได้อยู่รับใช้สนองพระยุคลบาท แต่สมุนของหลวงสรศักดิ์ได้ผลักพระปีย์ตกจากหน้าต่าง และถูกพระเพทราชาจับไปสำเร็จโทษ เนื่องจากมองว่าเป็นผู้หนึ่งที่มีสิทธิ์ในการสืบราชบัลลังก์

          ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคม 2557 กรมศิลปากรได้ขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ 2 โครง ตรงข้ามวัดสันเปาโล ซึ่งเป็นโบราณสถานสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่สร้างโดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศส โดยเป็นโครงกระดูกที่ไม่มีกะโหลกศีรษะ โครงหนึ่งเป็นมนุษย์ที่มีความสูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร และกระดูกหน้าแข้งหัก คาดว่าน่าจะเป็นพระปีย์ที่ถูกผลักตกหน้าต่างและถูกตัดศีรษะประหารชีวิต ส่วนอีกโครงหนึ่งเป็นมนุษย์สูงใหญ่ คาดว่าคือเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ที่ถูกตีด้วยท่อนจันทน์และตัดศีรษะ ซึ่งชาวฝรั่งเศสได้นำศพมาฝังไว้ที่โบสถ์ดังกล่าว

          และใน พรหมลิขิต ละครภาคต่อของ บุพเพสันนิวาส ก็มีตัวละครใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมามากมาย และตัวละครที่จะมีบทบาทมากในภาคนี้ก็คือ สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ และ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ดังนั้น เราจะพาไปทำความรู้จักประวัติของ 2 พระองค์นี้กันค่ะ

สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ : พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 30 แห่งอาณาจักรอยุธยา



          สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ หรือ เจ้าฟ้าเพชร (รับบทโดย เกรท วรินทร ปัญหกาญจน์) สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ หรือ สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 หรือ พระเจ้าภูมินทราชา หรือ พระเจ้าบรรยงก์รัตนาสน์ เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 30 แห่งอาณาจักรอยุธยา และเป็นพระองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ราชวงศ์สุดท้ายของอาณาจักรอยุธยา ทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2251 ถึง พ.ศ. 2275

          สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ มีพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้าเพชร เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ใน สมเด็จพระเจ้าสุริเยนทราธิบดี กับพระอัครมเหสีพระนามว่า สมเด็จพระพันวษา มีพระอนุชาและพระกนิษฐาร่วมพระมารดา 2 พระองค์ คือ เจ้าฟ้าพร และเจ้าฟ้าหญิงไม่ทราบพระนาม พระองค์ประสูติตั้งแต่พระราชบิดา (พระเจ้าเสือ) เป็นขุนนางในตำแหน่งออกหลวงสรศักดิ์ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ หลังจากพระอัยกา (พระเพทราชา) ทรงครองราชย์และแต่งตั้งพระเจ้าเสือเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ทำให้สมเด็จพระเจ้าท้ายสระได้เป็นเชื้อพระวงศ์ และออกพระนามว่า สุรินทกุมาร

          เมื่อพระราชบิดาสวรรคตในปี พ.ศ. 2251 สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ จึงได้ขึ้นครองราชย์ เฉลิมพระนามว่าพระเจ้าภูมินทราชา แต่จารึกชะลอพระพุทธไสยาสน์วัดป่าโมกข์ออกพระนามว่า พระบาทพระศรีสรรเพชญสมเด็จเอกาทศรุทอิศวรบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว แต่ประชาชนมักออกพระนามว่าพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ต่อมาทรงสถาปนาพระบัณฑูรน้อย เจ้าฟ้าพร พระราชอนุชาเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล

          สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ เสด็จสวรรคตลงในปีจุลศักราช 1094 (พ.ศ. 2275) ทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2251 ถึง พ.ศ. 2275

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ : พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 31 แห่งอาณาจักรอยุธยา



          สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ หรือ เจ้าฟ้าพร (รับบทโดย เด่นคุณ งามเนตร) หรือ สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชที่ 2 เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 31 แห่งอาณาจักรอยุธยา และเป็นพระองค์ที่ 4 ในราชวงศ์บ้านพลูหลวง เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) มีพระเชษฐาคือเจ้าฟ้าเพชร (สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ) พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นพระบัณฑูรน้อยในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 และเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 (พระเจ้าท้ายสระ) เรียกกันอย่างสามัญชนว่า ขุนหลวงบรมโกศ หรือ พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ รัชสมัยของพระองค์เป็นยุครุ่งเรืองยุคสุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา ก่อนที่อาณาจักรจะล่มสลายหลังจากพระองค์เสด็จสวรรคต

          สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เสด็จสวรรคตลงในปี พ.ศ. 2301 ทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2275 ถึง พ.ศ. 2301

ภาพจาก ช่อง 3, Instagram lakorn_online, broadcastthaitv, kengtachaya, godfather1632, broadcastthai.com, catholichaab.com, เฟซบุ๊ก ชมรมประวัติศาสตร์สยาม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
broadcastthai.com, ช่อง 3, วิกิพีเดีย, wiki.kpi.ac.th, pantip.com  
 
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ย้อนรู้จักตัวละครจาก บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิต ที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ อัปเดตล่าสุด 1 พฤศจิกายน 2566 เวลา 22:20:59 963,074 อ่าน
TOP
x close