เรียนรู้เรื่องราวแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผ่านตัวละครใน บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิต ที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์
ถ้าใครได้ชมละครพีเรียดย้อนยุคเรื่อง บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิต เชื่อว่าต้องรู้สึกคุ้นหูกับชื่อตัวละครบางตัวเป็นแน่แท้ เพราะเคยได้ยินชื่อมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถม และยิ่งเห็นแม่หญิงการะเกดทำท่าทางดีอกดีใจเมื่อได้เจอบุคคลเหล่านั้น ก็ยิ่งชวนให้คนดูอยากรู้ตามไปด้วยว่า บุคคลเหล่านั้นมีความสำคัญอย่างไรในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
กระปุกดอทคอม จึงอยากพาแฟนละครทุกคนย้อนกลับไปในแผ่นดินสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา เพื่อรู้จักกับตัวละครในละคร บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิต ที่มีตัวตนจริง เพื่อที่เราจะได้เข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้น และยังช่วยให้ชมละครได้อย่างมีอรรถรสมากขึ้นด้วย
ถ้าใครได้ชมละครพีเรียดย้อนยุคเรื่อง บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิต เชื่อว่าต้องรู้สึกคุ้นหูกับชื่อตัวละครบางตัวเป็นแน่แท้ เพราะเคยได้ยินชื่อมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถม และยิ่งเห็นแม่หญิงการะเกดทำท่าทางดีอกดีใจเมื่อได้เจอบุคคลเหล่านั้น ก็ยิ่งชวนให้คนดูอยากรู้ตามไปด้วยว่า บุคคลเหล่านั้นมีความสำคัญอย่างไรในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
กระปุกดอทคอม จึงอยากพาแฟนละครทุกคนย้อนกลับไปในแผ่นดินสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา เพื่อรู้จักกับตัวละครในละคร บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิต ที่มีตัวตนจริง เพื่อที่เราจะได้เข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้น และยังช่วยให้ชมละครได้อย่างมีอรรถรสมากขึ้นด้วย
ขุนศรีวิสารวาจา หรือ หมื่นสุนทรเทวา : คณะทูตที่เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีที่ฝรั่งเศส
พ่อเดช หรือพี่หมื่นของแม่การะเกด
พระเอกของเรื่องที่รับบทโดย โป๊ป ธนวรรธน์
คือบุคคลหนึ่งที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์
โดยเป็นบุตรชายของออกญาโหราธิบดี หรือพระโหราธิบดี
พระมหาราชครูของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีพี่ชายคือ ศรีปราชญ์
กวีเอกคนสำคัญของไทย ซึ่งในละครช่วงแรก ๆ เราจะยังไม่ได้เห็นศรีปราชญ์
เพราะตามท้องเรื่อง ศรีปราชญ์ได้ถูกเนรเทศไปยังเมืองนครศรีธรรมราชแล้ว
หมื่นสุนทรเทวา ภายหลังได้อวยยศเป็นขุนศรีวิสารวาจา ก่อนที่ในปี พ.ศ. 2229 จะได้รับเลือกให้เป็นตรีทูต 1 ใน 3 ของคณะทูตจากกรุงศรีอยุธยาเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งประเทศฝรั่งเศส
ออกญาโหราธิบดี หรือ พระโหราธิบดี : ผู้ประพันธ์หนังสือจินดามณี แบบเรียนเล่มแรกของไทย
พ่อของพระเอกอย่างออกญาโหราธิบดี ที่รับบทโดยนักแสดงรุ่นใหญ่ หนิง นิรุตติ์ เป็นพระมหาราชครูของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และเป็นบุคคลสำคัญของวงการแต่งหนังสือเลยทีเดียว เพราะท่านเป็นผู้ประพันธ์หนังสือ "จินดามณี" เมื่อปี พ.ศ. 2215 ซึ่งถือเป็นหนังสือแบบเรียนเล่มแรกของไทยที่มีเนื้อหาครอบคลุมสระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ จึงกลายมาเป็นต้นแบบของแบบเรียนในปัจจุบัน และยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของแบบเรียนไทย ทำให้หนังสือแบบเรียนไทยในยุคต่อมาหลายเล่มใช้ชื่อตามว่า "จินดามณี" อาทิ จินดามณีฉบับความแปลก จินดามณีครั้งแผ่นดินพระเจ้าบรมโกศ ฯลฯ
ทั้งนี้ พระโหราธิบดี เป็นผู้ที่ทำนายทายทักได้อย่างแม่นยำ โดยเคยทายจำนวนหนู (สัตว์) ที่พระเจ้าปราสาททองครอบไว้อย่างถูกต้อง และเคยทายว่าไฟจะไหม้ในพระราชวังใน 3 วัน พระเจ้าปราสาททองทรงเชื่อจึงเสด็จพระราชดำเนินไปอยู่นอกวัง ต่อมาได้เกิดเหตุฟ้าผ่าถูกหลังคาพระมหาปราสาททำให้เกิดไฟไหม้ลามไปดังคำทำนาย
หมื่นสุนทรเทวา ภายหลังได้อวยยศเป็นขุนศรีวิสารวาจา ก่อนที่ในปี พ.ศ. 2229 จะได้รับเลือกให้เป็นตรีทูต 1 ใน 3 ของคณะทูตจากกรุงศรีอยุธยาเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งประเทศฝรั่งเศส
ออกญาโหราธิบดี หรือ พระโหราธิบดี : ผู้ประพันธ์หนังสือจินดามณี แบบเรียนเล่มแรกของไทย
พ่อของพระเอกอย่างออกญาโหราธิบดี ที่รับบทโดยนักแสดงรุ่นใหญ่ หนิง นิรุตติ์ เป็นพระมหาราชครูของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และเป็นบุคคลสำคัญของวงการแต่งหนังสือเลยทีเดียว เพราะท่านเป็นผู้ประพันธ์หนังสือ "จินดามณี" เมื่อปี พ.ศ. 2215 ซึ่งถือเป็นหนังสือแบบเรียนเล่มแรกของไทยที่มีเนื้อหาครอบคลุมสระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ จึงกลายมาเป็นต้นแบบของแบบเรียนในปัจจุบัน และยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของแบบเรียนไทย ทำให้หนังสือแบบเรียนไทยในยุคต่อมาหลายเล่มใช้ชื่อตามว่า "จินดามณี" อาทิ จินดามณีฉบับความแปลก จินดามณีครั้งแผ่นดินพระเจ้าบรมโกศ ฯลฯ
ทั้งนี้ พระโหราธิบดี เป็นผู้ที่ทำนายทายทักได้อย่างแม่นยำ โดยเคยทายจำนวนหนู (สัตว์) ที่พระเจ้าปราสาททองครอบไว้อย่างถูกต้อง และเคยทายว่าไฟจะไหม้ในพระราชวังใน 3 วัน พระเจ้าปราสาททองทรงเชื่อจึงเสด็จพระราชดำเนินไปอยู่นอกวัง ต่อมาได้เกิดเหตุฟ้าผ่าถูกหลังคาพระมหาปราสาททำให้เกิดไฟไหม้ลามไปดังคำทำนาย
ศรีปราชญ์ : กวีเอกชื่อดังแห่งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
กวีเอกชื่อดังของไทยในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ในละครรับบทโดย ณฐณพ ชื่นหิรัญ) เป็นบุตรของพระโหราธิบดี และเป็นพี่ชายของขุนศรีวิสารวาจา มีความเชี่ยวชาญด้านโคลง กลอน มาตั้งแต่เด็ก ๆ โดยเคยต่อโคลงของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้เป็นที่ถูกพระราชหฤทัยตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ภายหลังจึงได้เข้ารับราชการ
แต่เพราะความสามารถที่เก่งกาจเกินหน้าเกินตา ทำให้มีคนคิดปองร้าย ใส่ร้ายศรีปราชญ์ จึงถูกสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเนรเทศไปยังเมืองนครศรีธรรมราชแทนการประหาร เนื่องด้วยพระโหราธิบดีเคยขอชีวิตไว้ตั้งแต่ก่อนศรีปราชญ์เข้ารับราชการ เนื่องจากล่วงรู้ดวงชะตาว่าหากศรีปราชญ์เข้ารับราชการเมื่อไร จะยิ่งมีอายุสั้น
อย่างไรก็ดี ที่นครศรีธรรมราช ศรีปราชญ์ก็ยังได้แสดงทักษะด้านกวีให้เป็นที่ประจักษ์ และเป็นที่พอใจของเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช จึงทำให้มีคนไม่พอใจศรีปราชญ์อีกเช่นกัน แต่คราวนี้ได้ใส่ร้ายว่าศรีปราชญ์ลักลอบเป็นชู้กับภริยาของพระยานครศรีธรรมราช จึงต้องโทษประหารชีวิต แต่ก่อนที่เพชฌฆาตจะลงดาบประหารนั้น ศรีปราชญ์ได้ขออนุญาตเขียนโคลงบทสุดท้ายไว้กับพื้นธรณีว่า
ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน
เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร เราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้คืนสนอง ฯ
ข่าวการถูกประหารของศรีปราชญ์แพร่ไปถึงพระกรรณของสมเด็จพระนารายณ์ จึงพิโรธเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชที่กระทำโดยพลการ พระองค์จึงรับสั่งให้นำดาบที่ใช้ประหารศรีปราชญ์มาประหารชีวิตเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชให้ตายตกไปตามกันดังคำว่า "ดาบนี้คืนสนอง"
- เจาะเรื่องราว ศรีปราชญ์ กวีเอกผู้ถูกเนรเทศ พี่ชายพระเอกใน บุพเพสันนิวาส
เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) : นักรบคู่พระราชหฤทัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ทว่าในช่วงบั้นปลายชีวิต สมเด็จพระนารายณ์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างป้อมปราการขึ้นในพระนคร ซึ่งต้องมีการเกณฑ์ผู้คนไปก่อสร้าง แต่บางคนไม่อยากทำงาน จึงนำเงินมาให้พระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) ท่านจึงกราบบังคมทูลต่อสมเด็จพระนารายณ์ว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องสร้างป้อมปราการ ทำให้สมเด็จพระนารายณ์สั่งเฆี่ยนจนถึงแก่อสัญกรรมในปี พ.ศ. 2226 ขณะเดียวกันก็มีหลักฐานอีกด้าน ระบุว่า ท่านถูกลงโทษเพราะถูกวางแผนใส่ร้ายโดยฟอลคอนนั่นเอง
- เปิดเรื่องราว โกษาเหล็ก บุคคลในประวัติศาสตร์ ผู้มีบทบาทใน บุพเพสันนิวาส
- ส่องประวัติศาสตร์ คำสั่งเสียสุดท้ายของ โกษาเหล็ก ถึง ฟอลคอน แม้โดนหักหลัง
พระยาโกษาธิบดี (ปาน) หรือ โกษาปาน (รับบทโดย ชาติชาย งามสรรพ์) น้องของพระยาโกษาเหล็ก ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากสมเด็จพระนารายณ์ไม่แพ้พี่ชายตั้งแต่ครั้งดำรงตำแหน่งออกพระวิสุทธสุนทร โดยได้รับแต่งตั้งให้เป็นราชทูตไทยออกไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. 2228 และได้เข้าเฝ้าฯ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ณ พระราชวังแวร์ซาย นับเป็นราชทูตไทยคนแรกที่ได้เดินทางออกจากแผ่นดินไทยไปสู่แผ่นดินต่างประเทศ
ทั้งนี้ พระยาโกษาธิบดี (ปาน) เป็นนักการทูตที่สุขุม สง่างาม มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด จึงยังเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เช่นกัน การเจริญสัมพันธไมตรีครั้งนั้นได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศสแน่นแฟ้นขึ้น และรอดพ้นจากการคุกคามของฮอลันดา
อย่างไรก็ตาม ในปลายสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ กลุ่มขุนนางนำโดย พระเพทราชา เกิดความรู้สึกต่อต้านชาวต่างชาติโดยเฉพาะฝรั่งเศส กระทั่งพระเพทราชาขึ้นครองราชย์ พระยาโกษาธิบดี (ปาน) ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เจรจากับนายพลฝรั่งเศสที่คุมป้อมอยู่ที่เมืองบางกอก ให้ถอนทหารออกไปจากอาณาจักรไทยได้สำเร็จ และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพระยาโกษาธิบดี
ทว่าด้วยความที่เป็นคนซื่อตรง ซื่อสัตย์ต่อสมเด็จพระนารายณ์ เมื่อท่านเห็นว่าพระเพทราชากระทำการไม่สมควร จึงได้กราบทูลทัดทาน แต่ก็เป็นเหตุให้ต้องพระราชอาญา ถูกริบทรัพย์ ถูกนำตัวเอาไปเฆี่ยนตีและทรมานอยู่บ่อยครั้ง จนในที่สุดก็ถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัยเพียง 40 ปี เท่านั้น และเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกพ่ายเสียกรุงแก่พม่าเป็นครั้งที่ 2 ครอบครัวของท่านก็อพยพกันไปอยู่คนละทิศคนละทาง โดยคุณทองดี หลานปู่ของพระยาโกษาปาน ได้ไปอยู่กับเจ้าพระยาพิษณุโลก ก่อนที่ภายหลังได้รับแต่งตั้งเป็นพระยาจักรีศรีองครักษ์ ซึ่งท่านผู้นี้ก็คือพระราชบิดาของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
- สืบเรื่องราว โกษาปาน ที่คุณอาจไม่รู้ จากขุนนางนักการทูต สู่เทียดในรัชกาลที่ 1
- ย้อนประวัติ โกษาปาน นักการทูตแห่งอยุธยา ผู้นำคณะเข้าเฝ้าฯ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช : พระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ปราสาททอง
แม้ในรัชสมัยของพระองค์จะมีศึกสงครามอยู่มาก โดยเฉพาะการทำศึกกับเมืองเชียงใหม่ และหัวเมืองพม่าหลายแห่ง แต่ก็เป็นยุคที่การค้าและการทูตกับประเทศต่าง ๆ รุ่งเรืองอย่างยิ่ง โดยมีพระราโชบายคบค้าสมาคมกับชาวต่างประเทศ เพื่อรักษาเอกราชของชาติให้พ้นจากการเบียดเบียนของชาวต่างชาติและรับผลประโยชน์ทั้งทางวิทยาการและเศรษฐกิจที่ชนต่างชาตินำเข้ามา ดังนั้น ในยุคสมัยของพระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้งคณะทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักฝรั่งเศสในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ถึง 4 ครั้ง
ภาพจาก Paisan579 / Shutterstock.com
นอกจากเรื่องการค้า การทูตแล้ว พระองค์ยังสนพระราชหฤทัยเรื่องวรรณกรรม ทำให้รัชสมัยของพระองค์เป็นยุคที่มีกวีเลื่องชื่อหลายคน เช่น พระโหราธิบดี ผู้ประพันธ์หนังสือจินดามณี แบบเรียนเล่มแรกของไทย และตอนหนึ่งของเรื่องสมุทรโฆษคำฉันท์ ส่วนอีกตอนหนึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระนารายณ์เอง รวมทั้งศรีปราชญ์ บุตรของพระโหราธิบดี ที่มีผลงานชิ้นเอกคือ หนังสือกำสรวลศรีปราชญ์ และอนิรุทธคำฉันท์ ด้วยพระปรีชาสามารถดังที่กล่าวไป พระองค์จึงได้รับการถวายพระเกียรติเป็น "มหาราช"
พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี ทรงครองราชสมบัติเป็นเวลา 32 ปี มีพระชนมพรรษา 56 พรรษา ทั้งนี้ ไม่ทรงมีพระราชโอรสที่ประสูติแด่พระอัครมเหสี แต่เป็นที่เล่าลือกันว่าทรงมีพระโอรสลับที่เกิดจากพระสนม
สมเด็จพระเพทราชา : ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์บ้านพลูหลวง
นอกจากนี้ ยังสั่งประหารเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ขุนนางชาวกรีกคนโปรดของสมเด็จพระนารายณ์ เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ทรงทราบ อาการประชวรก็หนักขึ้นและสวรรคตในเวลาต่อมา สมเด็จพระเพทราชาจึงได้ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์แทน พร้อมกับทรงสถาปนาราชวงศ์บ้านพลูหลวง อันเป็นราชวงศ์ที่ 5 และเป็นราชวงศ์สุดท้ายของอยุธยา
สมเด็จพระเพทราชาทรงไม่พอพระราชหฤทัยที่มีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่ในกรุงศรีอยุธยามากมายตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ จึงได้ขับไล่ทหารฝรั่งเศสให้ออกไปจากกรุงศรีอยุธยา ทำให้ความสัมพันธ์ของกรุงศรีอยุธยากับฝรั่งเศสสิ้นสุดลงตั้งแต่นั้นมา พระองค์ทรงครองราชย์ได้ 15 ปี ก็เสด็จสวรรคต เมื่อปี พ.ศ. 2246 สิริพระชนมพรรษา 71 พรรษา
- พระเพทราชา ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ "บ้านพลูหลวง" ผู้มอบความตายให้ฟอลคอน
หลวงสุรสาคร/คอนสแตนติน ฟอลคอน/ออกญาวิชาเยนทร์ : ชาวตะวันตกคนแรกที่รับราชการในกรุงศรีอยุธยา
ด้วยเพราะเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระนารายณ์จึงได้เลื่อนบรรดาศักดิ์อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นสมุหเสนา ออกญาวิชาเยนทร์ ซึ่งก็สร้างความไม่พอพระราชหฤทัยให้พระเพทราชาที่มีนโยบายต่อต้านชาวต่างชาติอยู่แล้ว จนเมื่อสมเด็จพระนารายณ์ประชวร พระเพทราชาจึงใช้ข้ออ้างที่ว่าออกญาวิชาเยนทร์ต้องการใช้องค์รัชทายาทเป็นหุ่นเชิดเข้ามาปกครองกรุงศรีอยุธยาเสียเอง จับตัวออกญาวิชาเยนทร์ไปประหารชีวิต แม้สมเด็จพระนารายณ์จะกริ้วก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะประชวรหนัก กระทั่งสวรรคตในเวลาต่อมา
ออกญาวิชาเยนทร์ เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2231 ในวัย 40 ปี ชีวิตส่วนตัวได้แต่งงานกับมารี กีมาร์ หรือ ท้าวทองกีบม้า ผู้ประดิษฐ์ขนมไทย มีบุตรด้วยกัน 2 คน
- เปิดลายเซ็น คอนสแตนติน ฟอลคอน ของจริง ที่ปรากฏในจดหมาย ที่คุณอาจยังไม่เห็น
มารี กีมาร์/ท้าวทองกีบม้า : ราชินีแห่งขนมไทย
กระทั่งเข้าสู่ช่วงชีวิตตกอับ เมื่อฟอลคอนถูกประหารชีวิตและถูกริบราชบาตรก่อนสิ้นรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ ทำให้มารีกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว และถูกจับขังในโรงม้า ต่อมาถูกนำตัวไปเป็นคนใช้ในวัง มารีพยายามทำทุกวิถีทางที่จะติดต่อกับชาวฝรั่งเศสเพื่อขอออกไปจากกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่สำเร็จ ซ้ำยังถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ก่อนที่ประวัติของนางจะหายไปช่วงหนึ่ง
และมาปรากฏชื่ออีกครั้งในอีกหลายปีให้หลังในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ เมื่อมารีได้เป็นพนักงานเครื่องต้นในวัง และได้สอนให้ชาวสยามทำของหวาน เช่น ขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมขิง ขนมไข่เต่า ทองม้วน สังขยา หม้อแกง ลูกชุบ ฯลฯ โดยดัดแปลงมาจากอาหารโปรตุเกส มารีได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้ดูแลเครื่องเงินเครื่องทองของหลวง และเป็นหัวหน้าเก็บพระภูษาฉลองพระองค์ จนเป็นที่โปรดปราน และได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสงบในบั้นปลายชีวิต
สำหรับชื่อท้าวทองกีบม้านั้น ก็มาจากชื่อ ตองกีมาร์ ของนางนั่นเอง
- เปิดเรื่องราว ท้าวทองกีบม้า กับเส้นทางชีวิตที่ดราม่ากว่าใน #บุพเพสันนิวาส
- ท้าวทองกีบม้า ตกที่นั่งลำบาก หลังฟอลคอนถูกประหาร - ไม่รับรักหลวงสรศักดิ์
หลวงสรศักดิ์/กรมพระราชวังบวร/พระเจ้าเสือ
หลวงสรศักดิ์ (รับบทโดย จิรายุ ตันตระกูล) มีชื่อเดิมว่า "เดื่อ" เนื่องจากประสูติใต้ต้นมะเดื่อ ซึ่งภายหลังได้ขึ้นครองราชย์มีพระนามว่า สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือ พระเจ้าเสือ พระมหากษัตริย์ องค์ที่ 29 ของกรุงศรีอยุธยา และพระองค์ที่ 2 ของราชวงศ์บ้านพลูหลวง เรื่องพระชาติกำเนิดนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด โดยสันนิษฐานกันว่า พระองค์น่าจะเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กับพระสนมลับองค์หนึ่ง แต่ภายหลังสมเด็จพระนารายณ์พระราชทานให้พระเพทราชาเลี้ยงดู ต่อมาได้เข้ารับราชการมีตำแหน่งเป็นหลวงสรศักดิ์ และช่วยพระเพทราชาขึ้นมายึดอำนาจจากสมเด็จพระนารายณ์ กระทั่งสมเด็จพระเพทราชาสวรรคต พระองค์ในตำแหน่งพระมหาอุปราช จึงได้ขึ้นครองราชสมบัติ มีพระนามว่า สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 มีพระสมัญญานามว่า "เสือ" ตั้งแต่รับราชการในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เพราะทรงมีพระอุปนิสัยเด็ดขาด ชอบการล่าสัตว์ ผู้คนจึงเปรียบว่าทรงร้ายดังเสือ จึงออกพระนามว่า "พระเจ้าเสือ" ทรงครองราชย์ได้ 5 ปี (พ.ศ. 2246-2251) จึงเสด็จสวรรคต ขณะมีพระชนมพรรษา 47 พรรษา
- เปิดประวัติ หลวงสรศักดิ์ (พระเจ้าเสือ) พระมหากษัตริย์ผู้คิดท่าแม่ไม้มวยไทย
หลวงศรียศ/ออกญาจุฬาราชมนตรี (แก้ว)
- ประวัติ หลวงศรียศ ชาวสยามเชื้อสายเปอร์เซีย ตัวละครที่มีชีวิตจริงในบุพเพสันนิวาส
พระปีย์
อย่างไรก็ตาม หลังจากสมเด็จพระนารายณ์ประชวรหนัก พระปีย์ได้อยู่รับใช้สนองพระยุคลบาท แต่สมุนของหลวงสรศักดิ์ได้ผลักพระปีย์ตกจากหน้าต่าง และถูกพระเพทราชาจับไปสำเร็จโทษ เนื่องจากมองว่าเป็นผู้หนึ่งที่มีสิทธิ์ในการสืบราชบัลลังก์
ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคม 2557 กรมศิลปากรได้ขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ 2 โครง ตรงข้ามวัดสันเปาโล ซึ่งเป็นโบราณสถานสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่สร้างโดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศส โดยเป็นโครงกระดูกที่ไม่มีกะโหลกศีรษะ โครงหนึ่งเป็นมนุษย์ที่มีความสูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร และกระดูกหน้าแข้งหัก คาดว่าน่าจะเป็นพระปีย์ที่ถูกผลักตกหน้าต่างและถูกตัดศีรษะประหารชีวิต ส่วนอีกโครงหนึ่งเป็นมนุษย์สูงใหญ่ คาดว่าคือเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ที่ถูกตีด้วยท่อนจันทน์และตัดศีรษะ ซึ่งชาวฝรั่งเศสได้นำศพมาฝังไว้ที่โบสถ์ดังกล่าว
และใน พรหมลิขิต ละครภาคต่อของ บุพเพสันนิวาส ก็มีตัวละครใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมามากมาย และตัวละครที่จะมีบทบาทมากในภาคนี้ก็คือ สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ และ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ดังนั้น เราจะพาไปทำความรู้จักประวัติของ 2 พระองค์นี้กันค่ะ
สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ : พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 30 แห่งอาณาจักรอยุธยา
สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ หรือ เจ้าฟ้าเพชร (รับบทโดย เกรท วรินทร ปัญหกาญจน์) สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ หรือ สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 หรือ พระเจ้าภูมินทราชา หรือ พระเจ้าบรรยงก์รัตนาสน์ เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 30 แห่งอาณาจักรอยุธยา และเป็นพระองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ราชวงศ์สุดท้ายของอาณาจักรอยุธยา ทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2251 ถึง พ.ศ. 2275
สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ มีพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้าเพชร เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ใน สมเด็จพระเจ้าสุริเยนทราธิบดี กับพระอัครมเหสีพระนามว่า สมเด็จพระพันวษา มีพระอนุชาและพระกนิษฐาร่วมพระมารดา 2 พระองค์ คือ เจ้าฟ้าพร และเจ้าฟ้าหญิงไม่ทราบพระนาม พระองค์ประสูติตั้งแต่พระราชบิดา (พระเจ้าเสือ) เป็นขุนนางในตำแหน่งออกหลวงสรศักดิ์ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ หลังจากพระอัยกา (พระเพทราชา) ทรงครองราชย์และแต่งตั้งพระเจ้าเสือเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ทำให้สมเด็จพระเจ้าท้ายสระได้เป็นเชื้อพระวงศ์ และออกพระนามว่า สุรินทกุมาร
เมื่อพระราชบิดาสวรรคตในปี พ.ศ. 2251 สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ จึงได้ขึ้นครองราชย์ เฉลิมพระนามว่าพระเจ้าภูมินทราชา แต่จารึกชะลอพระพุทธไสยาสน์วัดป่าโมกข์ออกพระนามว่า พระบาทพระศรีสรรเพชญสมเด็จเอกาทศรุทอิศวรบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว แต่ประชาชนมักออกพระนามว่าพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ต่อมาทรงสถาปนาพระบัณฑูรน้อย เจ้าฟ้าพร พระราชอนุชาเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ เสด็จสวรรคตลงในปีจุลศักราช 1094 (พ.ศ. 2275) ทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2251 ถึง พ.ศ. 2275
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ : พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 31 แห่งอาณาจักรอยุธยา
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ หรือ เจ้าฟ้าพร (รับบทโดย เด่นคุณ งามเนตร) หรือ สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชที่ 2 เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 31 แห่งอาณาจักรอยุธยา และเป็นพระองค์ที่ 4 ในราชวงศ์บ้านพลูหลวง เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) มีพระเชษฐาคือเจ้าฟ้าเพชร (สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ) พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นพระบัณฑูรน้อยในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 และเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 (พระเจ้าท้ายสระ) เรียกกันอย่างสามัญชนว่า ขุนหลวงบรมโกศ หรือ พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ รัชสมัยของพระองค์เป็นยุครุ่งเรืองยุคสุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา ก่อนที่อาณาจักรจะล่มสลายหลังจากพระองค์เสด็จสวรรคต
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เสด็จสวรรคตลงในปี พ.ศ. 2301 ทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2275 ถึง พ.ศ. 2301
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
broadcastthai.com, ช่อง 3, วิกิพีเดีย, wiki.kpi.ac.th, pantip.com